“ปราปต์ปฎล” ครวญ! รอศาลตัดสิน คดีภรรยาเอี่ยว forex-3D เชื่อมั่นขบวนการยุติธรรม

15

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงชาวไทย ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตภาพยนตร์ในระดับสากล หลังจากฝากผลงานภาพยตร์จีนเรีอง “Black and White Spy” (สายลับสองหน้า) โดยร่วมแสดงกับเจิ้งจื่อเหว่ย ดาราเจ้าบทบาทของฮ่องกงไปเมื่อปี 2666
ล่าสุด ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ทุนสร้างยิ่งใหญ่ของมองโกเลีย เรื่อง “THE
Circle Of Death” เป็นภาพยนตร์ที่สร้างรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศมองโกเลีย และยืนรอบฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ 12 สัปดาห์ ก่อนที่จะถูกนำออกฉายทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ในชื่อเรื่อง “กระชากลากโคตร” และกำลังจะเข้าฉายในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ตามโรงภาพยนตร์
ปราบต์ปฎล เปิดเผยความรู้สึกว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับโปรเจคภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ในฐานะนักแสดงคนไทย มีความภาคภูมิใจอย่างมากที่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพด้านการแสดงกับทีมงานต่างประเทศ เพื่อจะได้เรียนรู้การทำงาน และยกระดับตนเอง ที่ผ่านมาก็ได้โอกาสการทำงานจากต่างประเทศ ส่วนในประเทศก็อย่างที่ทุกฝ่ายเข้าใจในสถานการณ์
ทั้งนี้ ปราบต์ปฎล ยังเปิดเผยถึงคดี “กู๋กี๋” ภรรยาเอี่ยว forex-3D สืบพยานโจทก์แล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ นั่งฟังสืบพยาน ไม่เห็นว่าภรรยาทำผิด รอวันศาลตัดสิน บอกคงเหมือน “เบนซ์ เรซซิ่ง” ติดคุกแต่ไม่ได้ผิด ตกงาน 2 ปีเยี่ยมภรรยาทุกวัน ไม่อายบอกภรรยาอยู่ในเรือนจำ ลั่นลูกสาวเรียนจบปริญญาตรีแล้ว อยู่กับแม่ของลูก ไม่แก้ข่าวทิ้งลูกทิ้งเมีย แต่โทร.หาคนให้ข่าว ให้ความจริงพิสูจน์เอง

 

เดินทางไปเยี่ยมภรรยา “กู๋กี๋ ภคมน สีลุน” ที่เรือนจำทุกวัน สำหรับนักแสดงหนุ่ม “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง”หลังจากภรรยาตกเป็นผู้ต้องหาในคดี Forex-3D ต้องเข้าเรือนจำในระหว่างรอการตัดสินคดี โดยหนุ่มปราปต์ยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของภรรยา

“ผมก็ไปเยี่ยมที่เรือนจำทุกวัน ให้กำลังใจกัน เขาก็ปรับตัวได้ระดับหนึ่ง ทุกวันนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือแค่รอให้ได้รับการตัดสินสักที อยากให้กระบวนการมันไปถึงขั้นตอนของการพิพากษา มันเป็นเรื่องที่เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเอง เท่าที่มีการไต่สวนคดีมาแล้วเราไปนั่งฟัง

 

เราได้เห็นการสืบพยานโจทก์ไป 90 เปอร์เซ็นต์ จากที่เราไม่รู้จักเลยว่าธุรกิจนี้มันเป็นยังไง ไปนั่งฟังจนเริ่มรู้ว่ามันเป็นแบบนี้เหรอ เขาทำกันแบบนี้เหรอ คือน้องเขาเป็นจำเลยคนที่ 21 จริงๆ แล้วความเกี่ยวข้องกับคดีจะอยู่ที่ลำดับต้นๆ เพราะฉะนั้นก็เลยไม่มีพยานคนไหนที่พูดพาดพิงถึงน้องเขาเลย

ผมว่าตอนนั้นแม้แต่คนทำธุรกิจก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าผิดหรือถูก แม้แต่เราไปนั่งฟังตอนนี้เรายังมองไม่ออกว่ามันผิดหรือมันถูก สิ่งที่เราหวังที่สุดอยากให้กระบวนการยุติธรรมมันเกิดขึ้นสักที ซึ่งจากที่ไปนั่งฟังผมยังไม่เห็นว่าเขาทำอะไรผิดเลยสำหรับตัวน้องเขานะ ผมยังไม่เห็นว่าเขาไปเกี่ยวข้องตรงไหน

ถามว่าเวลาที่ไปเยี่ยม บทสนทนาที่พูดคุยกันเป็นอย่างไร มันไม่ต้องพูดอะไรเยอะ การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ผมบอกแล้วว่าในเมื่อผมเชื่อมั่นในตัวเขา แต่หน้าที่พิสูจน์มันต้องเป็นของเขา

ความยุ่งยากมันอยู่ตรงที่ว่าเขาถูกรวมกล่าวหา โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิด แต่ถ้าจะบอกว่าก็กินใช้เสวยสุข ผมว่าตรงนั้นมันต้องแยกให้ออกว่าการใช้ชีวิตในตอนที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีในฐานะของคนที่เป็นสามีภรรยา สิ่งใดที่สามีให้กินให้ใช้เลี้ยงดูเขาไม่รู้หรอกว่าการได้รับการเลี้ยงดูจากสามีมันจะเป็นเรื่องผิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็ต้องไปพิสูจน์ว่าเขาไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็กำลังอยู่ในขั้นตอนนั้นอยู่”

เชื่อมั่นไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
“เท่าที่ผมไปเยี่ยมทุกวันมันก็เป็นสิ่งที่เขายึดมั่นและมีกำลังใจที่ดี มันไม่ใช่แค่กำลังใจสำหรับเขา มันก็เป็นกำลังใจสำหรับผมด้วย การที่เข้าไปเชื่อมั่นใครสักคนที่เราเชื่อว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ความเชื่อมั่นในตัวเขาที่ผมเข้าไปมันต้องมีอุปสรรคขวากหนาม คลื่นที่มันซัดสาดมาโดนตัวผมที่จะต้องฟกช้ำดำเขียว อย่างที่ทุกคนทราบผลกระทบกับชีวิตผมมันก็เกิดขึ้นมาร่วม 2 ปีแล้ว ซึ่งก่อนที่จะมั่นใจที่จะเข้ามาร่วมชะตากรรมที่ไม่ได้ก่อ และผมก็เชื่อว่าเขาก็ไม่ได้ก่อ แต่ว่ามันไปเกี่ยวข้องผมคิดซะว่ามันเป็นวิบากกรรม ในเมื่อเราเชื่อมั่นในตัวเขา ถ้าเราไม่อยู่ข้างเขาแล้วใครจะอยู่ เพราะว่าสุดท้ายถ้าผมปล่อยมือเขา แล้วเขาจะสู้ยังไง ไม่เป็นไร เรายังอยู่ตรงนี้”

รอการพิสูจน์ตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
“ส่วนตัวผมเองอย่างที่ทุกคนทราบได้มีการนำเสนอข่าวกันไปว่าผมเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน หรือว่าผมเกี่ยวข้องกับการเอารถคันนั้นไปขายบ้าง ผมก็ได้บอกตั้งแต่ต้นว่าผมพร้อมจะพิสูจน์ตัวเอง และรอการพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งจริงๆ แล้วกระบวนการพิสูจน์ว่าอะไรผิดอะไรถูก เจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมแค่ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมแค่นั้นเอง ซึ่งผมก็ตอบไปแล้วว่าทำไม การตอบของผมมันตอบมาตั้งแต่ก่อนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา มันตอบเหมือนเดิมทุกอย่างมาตลอด เราอยู่ภายใต้กฎหมายกระบวนการยุติธรรมเราก็หวังว่าความบริสุทธิ์ของเราข้อเท็จจริงสิ่งที่เราพูดไปกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง มันจะปกป้องเราเอง มองในแง่ดี มันก็ได้รับรู้ว่าอย่างน้อยคำพูดที่ว่า คนเราถ้าเชื่อมั่น แล้วก็รักใครสักคน ก็ต้องสู้และพิสูจน์จับมือไปด้วยกัน”

บทพิสูจน์รักแท้ ถ้าตนโดนฝ่ายภรรยาก็ต้องทำเหมือนตน
“เป็นการพิสูจน์รักแท้ไหมผมว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ผมคิดว่าในทางกลับกันถ้าผมเป็นคนที่ต้องโดนอย่างนั้นบ้าง ผมก็เชื่อมั่นว่าเขาก็คงทำแบบนี้ ไม่เฉพาะผม ผมไม่ใช่คนพิเศษขนาดนั้นใครก็ได้มนุษย์ปุถุชนสามัญชนคนทั่วไปที่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ก็คงทำเหมือนกันกับผม”

10 หรือ 20 ปี ก็ไม่มีความหมาย เท่ากับเวลาต่อจากนี้ ชีวิตที่เหลือให้ภรรยา
“ผมไม่ได้คิดว่ามันจะกี่ปี คือผมรอแค่การพิสูจน์การตัดสินของศาล แล้วคำว่า 10 ปี 20 ปี 2 ปีหรืออะไรก็แล้วแต่ มันไม่มีความหมายเท่ากับคำว่าเวลาต่อจากนี้ไป คือผมใช้ชีวิตมาพอแล้วเพราะฉะนั้นเวลาที่เหลือชีวิตที่เหลือผมให้เขา ผมก็ทำตามที่พูดแค่นั้นเอง”

สองปีที่ผ่านมาเยี่ยมภรรยาทุกวัน ตกงาน 2 ปี

“สองปีกว่า วันไหนที่เรือนจำไม่ปิด ไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ ผมไปทุกวัน ส่วนของน้องก็สืบพยานโจทก์น่าจะ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว พอเสร็จแล้วจะเป็นเรื่องของสืบพยานจำเลย แล้วศาลท่านก็ตัดสิน สืบพยานโจทก์ปีกว่าแล้ว ในส่วนของน้องคงต้องรอในเรื่องของการสืบพยานจนจบ

งานการผมอย่างที่เห็นตามข่าว ถามว่าผลกระทบยังไงบ้าง เห็นผมไปซ้อมละครเวทีที่รัชดาลัย แถลงข่าวไปเรียบร้อยสุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนตัวผม หรือละครที่ผมถ่ายไปหลายๆ เรื่อง 4-5 คิวแล้วสุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนตัว ทุกวันนี้ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้จัดก็ยังโทร.มาถามว่าจบหรือยังเรื่องของผมจะได้ให้ทำงานต่อ เพราะว่าผู้ใหญ่เมตตาผมตลอด ผมทำงานมา 30 ปี ไม่เคยขาดงาน ผมน่ารักกับสื่อนะ แต่ผมเป็นคนเก็บตัว ขี้อายไม่ค่อยคุยกับสื่อ ผมจะคุยเฉพาะเรื่องที่มันจำเป็น เราไม่ใช่วัยรุ่นที่มันจะเป็นกระแสข่าวเราก็เลยไม่ได้คุย อย่างที่ผ่านมามันกระทบชีวิตผม 2 ปีไม่ต้องทำงานแล้ว จะมีงานก็อย่างที่เห็น เป็นงานหนังต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่”

คาด 2 ปีจบ
“ผมคิดว่าเดี๋ยวมันก็ต้องจบครับ เพราะว่าสุดท้ายแล้วอะไรที่มันเป็นข้อเท็จจริง เรื่องราวความเป็นจริงที่มันเกิดขึ้นมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะว่าขั้นตอนของการเกิดเรื่องต่างๆ มันมีเรกคอร์ดเป็นหลักฐานกันหมดว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไรและทำเพื่อเจตนาอะไร โดยที่มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและพยานที่มันเป็นหลักฐานกล้องวงจรปิด มีครบหมด ผมทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจและเปิดเผย ในเมื่อเจ้าหน้าที่เขามีหน้าที่กล่าวหา เราก็มีหน้าที่ไปแก้ข้อกล่าวหาแค่นั้นเอง ต่างคนต่างทำหน้าที่”

ลั่นคงเหมือน “เบนซ์ เรซซิ่ง” อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ติดคุกแต่ไม่ได้ผิดอะไร
“อย่างน้องติดมา 2 ปีกว่า ก็คงเหมือนอย่างเบนซ์ เรซซิ่ง เขาติดมากี่ปีพอสุดท้ายเขาไม่ได้ผิดอะไร เขาก็รอด ชีวิตเขาก็เสียไป 4-5 ปี เหมือนกันเอาง่ายๆ น้องตอนนี้ 2 ปีกว่าเขาก็เสียไปแล้ว เขาอยู่ภายในเรือนจำ 2 ปีกว่าถ้าตัดสินมาว่าเขาไม่ผิด เขาก็เสียเวลาไป ส่วนผมยังไม่ได้ถูกตัดสินอะไร ถูกแจ้งข้อหาแล้วอัยการยังไม่ได้ส่งฟ้องด้วยนะ เพราะฉะนั้นผมก็จะอยู่ตรงนี้เหมือนถูกจองจำอยู่ในตรงนี้ ไปตรงไหนก็ไม่ได้ ผมไม่ได้รู้สึกว่าเวลาผมไปเจอสื่อ ใครถามผมแล้วผมจะอายที่จะไม่ตอบ หรือว่าจะอายที่จะบอกว่าผมไปเรือนจำทุกวันไปเยี่ยมแฟน ผมไม่อายเลยที่จะบอกว่าแฟนผมอยู่ในเรือนจำ ผมยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ได้ ผมไม่รู้สึกว่าจะต้องอาย เพราะเรารู้ว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

คนอย่างผมไม่มีวันที่จะเสพชีวิตด้วยความสุขของตัวเองบนความทุกข์ของคนอื่น ผมยอมตายดีกว่าผมไม่ทำ ผมก็เชื่อมั่นว่าคนของผมสิ่งที่เขาประสบอยู่มันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้เป็นฝ่ายทำโดยตรง แต่เขาไปอยู่ในวงจรชีวิตของคนที่เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นจะบอกว่าเขาไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ได้ เขาเกี่ยวแบบไหน แล้วเขาเข้าไปร่วมกระทำการหรือเปล่า ในเมื่อเขาไม่ได้ร่วมกระทำการ เขาก็ต้องไปชี้แจงตรงนั้น ส่วนตัวผมพอไปโปรเทคคนๆ หนึ่งแล้วมาโดนตรงนี้”

ย้อนเวลาได้ก็ยังทำเหมือนเดิม

“ถามว่าย้อนเวลาได้มีคนเตือนพี่ว่าอย่าไปยุ่งเดี๋ยวจะโดนไปด้วย ย้อนเวลาไปได้ผมก็ทำเหมือนเดิม ภารกิจของผมทุกวันคือไปเยี่ยมแฟน สิ่งที่จะทำให้เขาใจฟูขึ้นมาได้ คือเห็นหน้าเราทุกวัน มันทำให้เราใจฟูด้วย เราไปเยี่ยมวันละ 15 นาทีถามว่าใช้เวลาเดินทางไปเยี่ยมนานไหม เอาง่ายๆ กระบวนการทุกอย่างกว่าจะได้ไปเยี่ยม มันใช้เวลาประมาณครึ่งวัน เพื่อเยี่ยม 15 นาที (แล้วค่อยไปทำงาน) ก็ตกงานอยู่จะไปทำงานอะไร”

ลูกสาวเรียนจบปริญญาตรีแล้ว อยู่กับแม่ของลูก ไม่แก้ข่าวทิ้งลูกทิ้งเมีย แต่โทรหาคนให้ข่าว
“ลูกสาวตอนนี้จบปริญญาตรีเรียบร้อย เขาก็ทำงาน ภรรยาก็อยู่กับลูกสาว คือใช้คำว่าคุณแม่ของลูกดีกว่า แม่ของลูกผมเขาก็ยังอยู่ ลูกผมก็ยังอยู่กับเขา ส่วนตัวผมได้แยกออกมาอยู่นานแล้ว แต่ผมยังเข้าไปมาหาสู่ โทร.ติดต่อดูแลเหมือนเดิมทุกอย่าง ทำหน้าพ่อปกติ ถูกต้อง มันก็เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา 10 20 ปี พี่ๆ น้องๆ จะสังเกตดูว่าผมเป็นคนเก็บตัว ผมทำงาน ผมไม่ได้ทำตัวไม่ให้ความร่วมมือกับนักข่าว ผมก็เป็นคนนอบน้อมแบบนี้ เพียงแต่ว่าผมเป็นคนชอบเก็บตัวไม่ค่อยเป็นข่าว

อย่างสมัยก่อนที่มันมีข่าวเรื่อง ปราปต์ปฎล ทิ้งลูกทิ้งเมียแบเบาะไม่เคยดูแลลูก ผมมีข้อพิสูจน์อยู่แล้วว่าความเป็นจริงมันเป็นยังไง (ไม่เคยออกมาแก้ข่าว?) ผมไม่แก้ เพราะว่าการที่ผมโทร.ส่วนตัวคุยกับทางคนที่ออกมาให้ข่าว คนที่ออกมาให้ข่าวเป็นใคร เป็นอดีตภรรยา เป็นอดีตแม่ยาย เป็นลูกชายของผมซึ่งลูกชายผมเขาไม่รู้เรื่อง ผมก็แค่เอาหลักฐานให้ดูว่าลูกครับ ที่เขาบอกว่าพ่อทิ้งตั้งแต่แบเบาะ ไม่เห็นหัวไม่อะไรเลย ลูกดูรูปนะ พัฒนาการของลูกที่พ่อเลี้ยงมามันเป็นแบบนี้จนลูกอายุเท่าไหร่ เราอธิบายแค่นั้นเอง แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือเขายังต้องรักเคารพแม่กับยายของเขา ยังต้องเป็นอย่างนั้น แค่นั้นเอง

เพราะฉะนั้นการที่จะออกมาพูดเรื่องอะไรในครอบครัว ผมโดนไปแล้ว บ้านเรามันเป็นเรื่องของกระแสข่าว เวลาโดนอะไรก็แล้วแต่ถ้าเราพูดไปแล้วมันกลับกลายไปทำร้ายคนที่เรารัก ทำร้ายคนในครอบครัว มันก็วนเวียนอยู่แค่นี้เอง ไม่ได้มีประโยชน์อะไร มันไม่ได้ช่วยให้สถาบันครอบครัวของคนที่ได้ชมแข็งแรงขึ้นคนเราต้องรู้จักแยกแยะว่าอะไรมันจำเป็นกับผู้เสพหรือไม่ หรือว่ามันจะทำร้ายคนที่เรารักหรือเปล่า เพราะฉะนั้นถ้าเราโดนไปแล้วก็ไม่เป็นไร ผมอยู่ตรงนี้มา 30 ปี สุดท้ายแล้วผมชอบให้ความจริงพิสูจน์ตัวมันเอง ผมไม่ชอบมานั่งแก้ตัว แก้ข่าวแล้วไปทำร้ายคนอื่นผมไม่ทำ”

#Forex3D
#ปราบต์ปฎล