นาที “บอย” จุกในอก! ผู้เสียหายสูญเงินแสน เพราะเชื่อการเป็นพรีเซ็นเตอร์ ดิไอคอนฯ

36

ออกรายการโหนกระแส เผชิญหน้าผู้เสียหาย สำหรับ “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” หนึ่งในพรีเซ็นเตอร์บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ที่กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนมีผู้เสียหายออกมาร้องถูกบริษัทหลอกขายฝัน จนมีคนคิดสั้นฆ่าตัวตาย บางรายหมดเนื้อหมดตัว ไม่หวั่นทัวร์ลง หรือคนด่าว่าแถ บอยเผยว่าตนเองพร้อมรับทุกผลของการกระทำ และขอยืนเคียงข้างประชาชน ด้วยการแตกหักกับ “บอสพอล” ซีอีโอดิไอคอนกรุ๊ป

“รู้จักบอสพอลประมาณปี 63 เคยได้รับการติดต่อให้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าตัวนึง เกี่ยวกับเวย์โปรตีน ตอนปี 63 สัญญา 1 ปี ผมทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์ให้เขา พอครบ 1 ปีไม่มีการต่อสัญญากันต่อ เท่ากับปี 64 ก็เว้นว่าง พอปี 65 บริษัทก็ติดต่อกลับมาใหม่ให้กลับไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ตัวกาแฟ หลังจากนั้นก็ต่อสัญญากันปีต่อปี 65 66 ล่าสุดก็ปี 67 สัญญาระบุชัดเจนว่าให้ผมทำหน้าที่เป็นผู้แสดงแบบ คือพรีเซ็นเตอร์ครับ ในการโปรโมตสินค้าคือตัวกาแฟ ต้องถ่ายทำภาพนิ่ง ภาพวิดีโอ รวมถึงการออกคอนเทนต์ของเขา หลักๆ เลยคือพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้า งานทั่วไปคือถ่ายวิดีโอ ถ่ายภาพนิ่ง รวมถึงร่วมกิจกรรมการออกอีเวนต์ มีไปออกรายการไทร์อินสินค้า ถ่ายรายการคอนเทนต์เพื่อโปรโมตสินค้า”

“ถ้าสโคปงาน หรือว่าจ้างงาน ไม่มีการพูดส่วนของการชักชวน ไม่มีเลย แต่ตอนผมไปออกอีเวนต์ จะมีบางสคริปต์ที่ให้เราพูดในเชิงให้กำลังใจ ผมไม่ใช่บอสครับ ผมยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ (อดีตแม่ข่ายยืนยันว่าไม่เคยเรียกบอยเป็นบอส เรียกบอสมิน (พีชญา วัฒนามนตรี) บอสแซม (ยุรนันท์ ภมรมนตรี) ส่วน กันต์ กันตถาวร เรียกว่าผอ.กันต์)ผมกล้าพิสูจน์ได้จากทางตัวแทนทุกท่าน หรือแม้แต่ผู้เสียหาย หรือใครก็ตาม ถ้ามีหลักฐานเรียกผมว่าบอส แต่ผมมั่นใจว่าไม่มีแน่นอน”

“มีคลิปที่พูดบนเวที ไม่ได้มีคลิปเดียวด้วยครับ ความจริงหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วผมรับรู้ความจริง ก็ขออนุญาตพูดว่าทุกครั้งที่ได้เห็นคลิปนี้ มันรู้สึกว่าผมโง่ดีเหมือนกัน เหมือนกับตอนนั้นพูดไปโดยผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมพูดมันคือความจริง มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ อันนี้เหมือนอีเวนต์ประจำปีของเขา มีตัวแทนมารวมตัวกันอยู่ในฮอลล์ ผมไปในฐานะตัวแทนพรีเซ็นเตอร์กาแฟ มีช่วงก่อนคลิปเขาจะให้ผมพูดถึงกาแฟก่อน แล้วมาถึงคลิปที่ทุกคนได้ดูเมื่อกี้ มันคือสคริปต์ที่ทางทีมงานและมีทั้งตัวหนังสือที่ทีมงานบรีฟ ให้ผมพูดทำนองนี้ ให้กำลังใจตัวแทนที่อยู่ในงาน ตอนนั้นผมไม่ได้เฉลียวใจเรื่องผู้เสียหาย ผมแค่มีคำถามกลับไป เช่นเขาให้ผมพูดในสคริปต์ว่าบริษัทเขาตัวแทนไม่ต้องสต็อกของผมถามว่าตรงนี้แปลว่าอะไร เขาบอกว่าถ้าตัวแทนสั่งของ ไม่ต้องเอาของกลับไป เดี๋ยวบริษัทมีคนจัดส่งให้ปลายทางเอง ผมรับทราบอย่างนั้น ผมก็พูดไปบนเวทีแบบนั้น”

“ผมมั่นใจว่าต้องมีคนคิดว่าแถ วันนี้มันเกินกับการมากังวลแล้วว่าคนจะด่าเราหรือเปล่า จะด่าเราว่าแถมั้ย ผมยินดี ถ้าไม่เชื่อผม ผมก็ยินดี ด่าผมว่าแถได้เลย ทุกคนมีสิทธิ์คิดแต่วันนี้ผมพูดได้แค่ข้อเท็จจริงที่เกิดกับตัวผม ส่วนใครจะมองว่าผมแถ หรือโกหก ผมก็รับสภาพตรงนั้นได้ครับ สิ่งที่พูดบนเวทีเป็นสคริปต์ครับ ผมกล้ายืนยัน ถ้าสังเกตดีๆ ผมไม่ได้เริ่มพูดเอง พิธีกรถามว่ารู้สึกยังไง กับการทำงานที่นี่”

“พี่กันต์ไม่ได้ถามนำ แต่มันเป็นสคริปต์ว่าเดี๋ยว mc จะถามแบบนี้ ผมต้องตอบแบบนี้ ลักษณะนี้ มีทั้งเป็นสคริปต์ที่อยู่ในตัวหนังสือ และทีมงานบรีฟด้วยปากเปล่า ตรงนี้ผมรู้สึกว่าผมก็เสียใจกับสิ่งที่ผมพูดตรงนั้นไป แล้วทำให้เกิดความสูญเสียตรงนี้ ผมพลาดเองจริงๆ ผมไม่มีข้อแก้ตัวอะไรกับสิ่งที่ผมทำตรงนี้ เป็นความผิดของผมเองครับ”

เคยรู้มาก่อนมั้ยเรื่องผู้เสียหาย?
“รู้พร้อมทุกคนเลยครับ ตอนที่เพจแรกที่เริ่มเปิด ผมน่าจะเห็นจากติ๊กต๊อกก่อน มีคนส่งมาให้ดู เรากดไปดูในคอมเมนต์ เริ่มเห็นว่าคนนี้สต็อกของ 2.5 แสน 5 หมื่น ล้านนึง ของอยู่เต็มบ้าน หมดอายุ ไม่ได้ขาย แจกเพื่อน ขาดทุน ทุนจม พอรู้ตอนแรกก็ตกใจมาก เพราะสิ่งที่ผมรับทราบมา ก็อย่างที่ผมพูดบนเวที ไหนบอกว่าไม่มีการสต็อกของ”

“พอรู้เรื่องก็กังวล สิ่งที่ผมเป็นมาตลอด 3- 4 วันนี้ ผมต้องทำงานอะไรไป ทำหน้าที่ของผมไป แต่ช่วงไม่ได้ทำงาน จิตใจผมก็วนอยู่แต่กับเรื่องพวกนี้ เปิดดูโทรศัพท์ตลอด ก็จิตตกหน้าที่ของผมการทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์คือโปรโมตสินค้าให้น่าสนใจที่สุด ผมทำเต็มที่ แต่สิ่งที่ผมทำอาจด้วยความไม่รู้หรืออะไรก็ตาม ทำให้เกิดความเสียหายกับผู้เสียหายตรงนี้ มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมผิดและพลาดตรงนี้ ผมยอมรับครับ”

หนุ่ม กรรชัย ถามอดีตแม่ข่าย ว่า บอย ปกรณ์ มีส่วนทำให้มีผู้เสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ “คุณแป้ง” เผยว่า “เพื่อนแป้งเพิ่งฝากมาในอินบ็อกซ์ว่าเขารักพี่บอยมาก เขาไม่เคยตัดสินใจลงทุนหรืออยากขายของมาก่อนในชีวิต แต่ถ้าพี่บอยเลือกแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเช็กข้อมูลอะไรแล้ว เปิดบิลมา 2.5 แสน แล้วเราก็รู้สึกเป็นตราบาป และรู้สึกผิดกับเพื่อนมากๆ”

บอยรับได้ฟังแบบนี้ก็จุก ขอโทษจากหัวใจจริงๆ
“ได้ยินแล้วก็จุกอกครับ อย่างพี่หนุ่มบอก ก็ขออนุญาตชี้แจงเพิ่มเติมก่อนรับงาน ผมก็เช็กเท่าที่ผมสามารถเช็กได้ เช็กว่าบริษัทเขามีจดทะเบียนถูกต้องมั้ย สินค้าเขาได้อย. ได้มาตรฐานมั้ย เราเช็กได้ในขอบเขตที่เช็กได้ ส่วนกลไกต่างๆ ผมไม่สามารถเช็กได้ และผมก็ไม่เคยรู้ด้วย เขาเองก็คงไม่อยากบอกผมด้วยมั้ง ฟังแบบนี้ ผมก็เห็นด้วย อาชีพผมคือนักแสดง ดารา ผมก็เกิดจากประชาชนนี่แหละ มีคนเขารักผม ซัปพอร์ตผม การที่ผมมาสร้างความเชื่อมั่นให้เขา แล้วทำให้เกิดความเสียหายตรงนี้ ผมก็มีส่วนทำให้เกิดตรงนี้จริงๆ ผมฟังแล้วก็ไม่ได้มีความเห็นโต้แย้งอะไรพอเขาบอกว่าพอรู้ว่าเป็นบอย บอยต้องเช็กดีแล้วเขาไม่ลังเลที่จะเปิดเลย เขาไม่ต้องเช็กอะไรเพิ่มแล้ว ฉะนั้นผมก็มีส่วนจริงๆ”

“ตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา ผมก็อึดอัดมาก มันก็เป็นอะไรที่ติดอยู่ในใจตลอด วันนี้ได้ออกมาพูด ส่วนหนึ่งก็เหมือนได้ยกอะไรออกไป เหมือนเราได้พูด ได้ชี้แจงในส่วนที่เราอยากชี้แจงได้มายอมรับในส่วนที่เราพลาดไป ความจริงสิ่งที่ผมอยากมาวันนี้ คือผมอยากมาขอโทษผู้เสียหายทุกคนมากๆ ที่ต้องมาเดือดร้อนในสิ่งที่ผมได้พูดออกไป หรือทำให้มั่นใจในตัวบริษัท แล้วทำให้เกิดความเสียหายตรงนี้”

“ผมขอโทษจากใจจริง และขอโทษผู้เสียหายที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย ผมพูดจริงๆ ว่าถ้าในวันนั้นผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดบนเวที จะก่อให้เกิดความเสียหายวันนี้ โอเค มันอาจย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว แต่ผมกล้าพูดว่า ถ้าผมรู้วันนั้นผมไม่พูด ผมกล้าบอกทีมงานว่าถ้าอันนี้ไม่จริงผมไม่พูด ถ้าเขายืนยันจะให้ผมพูด ผมก็กล้าที่จะออกจากงานไปเลย แต่ว่าตรงนั้นก็อาจเป็นความผิดพลาดของผมเอง ที่ผมไม่รู้ ผมถามเขาแล้ว แต่ดันไม่ได้เช็กให้มากพอกว่านี้ จนเกิดเป็นความเสียหายตรงนี้ขึ้นมา ผมขอโทษทุกคนจริงๆ ส่วนที่เกิดขึ้นตรงนี้ ผมยินดีให้ข้อมูล จนถึงการตรวจสอบอะไรก็ตาม ผมยินดีครับ”

“ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายครับ แน่นอนครับ ขอพูดอีกอย่างนึง นอกจากความรู้สึกว่าผมเสียใจในสิ่งที่ผมได้มีส่วนร่วมไปแล้ว ผมรู้สึกว่าผมถูกหลอกด้วย ผมไม่โอเคกับตรงนี้ หลายคนอาจรู้สึกว่ามึงอาจมาหงายการ์ดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ ผมไม่เรียกว่าตัวเองเป็นเหยื่อแล้วกันนะครับ เพราะเหยื่อคือคนที่นั่งอยู่ตรงนี้กับผู้เสียหาย ผมแค่รู้สึกว่าผมโดนหลอกในส่วนที่เหมือนโดนยืมเป็นเครื่องมือทำให้คนอื่นเชื่อในตัวผม แล้วทำให้เกิดความเสียหายตรงนี้ด้วย ถ้ามองว่าผมหักกับเขาก็ยินดีครับ การที่ผมทำงานตรงนี้ ผมได้รับแรงซัปพอร์ตจากคนที่เรียกว่าประชาชน วันนึงผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำไปมันพลาด ที่ทำงานที่ผมเคยทำอยู่ เขาทำให้เกิดความเสียหาย ผมก็เลือกที่จะไม่อยู่ข้างเขาครับ ผมยินดีหักกับเขาครับ พร้อมหักครับ”

นอกจากนี้บอยยังได้เผยสัญญาที่ระบุว่าได้ส่งไปยกเลิกสัญญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป และขอคืนเงินค่าจ้างทั้งหมด ถ้าเขาทำกับผู้เสียหายและตนขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปสังคายนาอะไรกับเขาอีก