‘ต๊อด โอภาศ’ตั้งใจตอบแทน’มวยไทย’ จุดประกายสร้างหนัง’ภูเก็ตแดนเจอรัส’

19

ยอมรับแบบแมนๆ ว่า “มวยไทย” มีบุญคุณกับชีวิต ทำให้นักธุรกิจที่คร่ำหวอดในวงการหมัดมวยอย่าง “ต๊อด-โอภาศ สายใหม” ผู้บริหาร ทีแอนด์วาย โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (T&Y GLOBAL GROUP CO., LTD.) ถึงกับยอมทุ่มเงินกว่า 8 หลัก และใช้เวลากว่า 2 ปี ผลิตภาพยนตร์ร่วมทุน ไทย-จีน ฟอร์มยักษ์ “Phuket Dangerous (ภูเก็ตแดนเจอรัส)” กับคอนเซปต์ “มวยไทย มีไว้เพื่อปกป้องไม่ได้มีไว้เพื่อทำลาย”

โดย ต๊อด โอภาศ ได้เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ และเผยถึงข่าวดีล่าสุดที่มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเจรจาเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์ นำไปฉายในต่างประเทศแล้ว

“ตัวผมเองตั้งแต่เด็กจนโต เดินในเส้นทางของการเป็นนักมวย จนปัจจุบันนี้ก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว มีลูกศิษย์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งผมคิดเสมอว่ามวยไทยมีพระคุณกับผมมาก เพราะฉะนั้นวันนี้เมื่อผมพร้อมเป็นผู้ให้ สิ่งที่ผมจะทำคือผมอยากตอบแทนบุญคุณมวยไทย อยากตอบแทนวงการมวยไทย จริงๆ ผมก็เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองเล็กๆ ในประเทศที่พยายามผลักดันวงการมวยไทยมาตลอด บวกกับเรามีโอกาสได้ไปสอนมวยให้คนจีนและฝรั่ง ทำให้รู้เลยว่าบุคลากรที่จะไปเป็นโค้ชหรือครูผู้สอนมวยไทยเป็นที่ต้องการมากในจีน และมวยไทยสามารถไปได้ไกล สามารถเป็นอีกหนึ่งกีฬาในการสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้ เป็นอีกหนึ่งซอฟพาวเวอร์ของไทย เลยอยากทำอะไรที่ซับพอร์ตตรงนี้ได้ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงมาทำหนังเรื่องนี้

แต่ด้วยประสบการณ์ในวงการบันเทิงผมก็ยอมรับว่าเรายังใหม่มากๆ ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าๆ ที่พยายามปั้นหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เราเจอปัญหา เจออุปสรรคเยอะมาก บางครั้งเยอะจนท้อ แต่สุดท้ายมันก็กลับมาได้เพราะผมมีเป้าหมายที่ชัดเจน คืออยากทำเพื่อตอบแทนมวยไทย อยากให้มวยไทยได้ถูกเผยแพร่ไปให้ไกลที่สุด ให้นานาประเทศไทยรู้จักมวยไทยอย่างแท้จริง เหมือนที่ผมจดจำมาตลอดว่า ‘มวยไทยมีไว้เพื่อปกป้องไม่ได้มีไว้เพื่อทำลาย’

ล่าสุดได้มีการจัดฉายรอบพิเศษเพื่อโชว์ผู้จัดจำหน่ายต่างชาติ รวมถึงเพื่อนๆ ที่เป็นคู่ค้าของผม ทุกคนเซอร์ไพรส์กับหนังมาก พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าหนังสนุก แอ็คชั่นดี เป็นหนังบู๊ที่เป็นแก่นแท้ของมวยไทยจริงๆ สำหรับคนทำงานได้ยินแบบนี้ก็หายเหนื่อยนะ และตอนนี้ที่เป็นข่าวดีมากๆ เลยคือ หลังจบงานได้มีผู้จัดจำหน่ายต่างชาติติดต่อมาจะซื้อหนังเราไปฉาย มีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ ครับ หลายบริษัท หลายประเทศ เราก็พยายามดูในเรื่องเงื่อนไง ข้อตกลงบางอย่างว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่ใกล้ความจริง ที่อยู่ในขั้นตอนของการพูดคุยแล้วมีไม่ต่ำกว่า 5-6 ประเทศครับ คาดว่าเร็วๆ นี้จะได้ยินข่าวดีแน่นอนครับ ส่วนประเทศไทยวางไว้ว่าประมาณปลายปีน่าจะได้ชมกันครับ”