“โค้ชเรย่า” บินลัดฟ้าจากออสเตรเลีย แถลงข่าวแต่งงานคู่รัก LGBTQ (ยูริ) ฉลองไทยประกาศ “สมรสเท่าเทียม” ผ่าน พ.ร.บ แล้ว

18

เป็นอีกหนึ่งเซเลบริตี้สาวมากความสามารถสำหรับ “”เรย่า- รัชยา นิลกรรณ์” หรือ เจ้าของธุรกิจ Rayya Tax Agent บริษัทที่ปรึกษาและบริการดูแลบัญชี และภาษี ให้กับคนไทยในออสเตรเลีย หรือ อดีตโค้ชเรย่า เบรนเวฟ ที่ล่าสุดบินลัดฟ้าจากประเทศออสเตรเลียกลับไทยพร้อมประกาศแต่งงานกับคู่รักสาวนอกวงการ “แทม – ณัฐฐิมณฐ์ แสนยามาศ” โดยงานนี้ทั้งคู่จับมือร่วมแถลงข่าวพร้อมประกาศตัวเป็น LGBTQ หรือคู่รักยูริ ณ ห้อง MAGZ20 (แม็กซ์ทะเวนตี้) เดอะเคอร์ฟ เนเบอร์ฮู้ด อ่อนนุช 17 โดยงานแต่งงานของทั้งคู่เตรียมจัดขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ หลังจากงานแต่งทั้งคู่ยังเตรียมแพลนอยู่ร่วมฉลองประเทศไทยประกาศใช้ พ.ร.บ สมรสเท่าเทียม ในวันที่ 22 มกราคมนี้ ด้วย

 

1 จุดเริ่มต้นความรัก

เรารู้จักกันในกลุ่มโซเชียลกลุ่มเฉพาะของ LGBTQ นี่แหละค่ะ คือตอนนั้นเราโสดมาซักระยะหนึ่งแล้ว มีคนมาจีบเราก็ไม่ได้คิดจะสนใจ เรารู้สึกเหนื่อยกับการที่เราคบผู้ชายเพราะเราก็เคยแต่งงานมาแล้ว พอถึงเวลาที่เราอยากมีใครสักคนเราก็คิดว่า อายุขนาดนี้เราก็รู้สึกว่าเราอยากหาใครสักคนที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุขกายสุขใจความเข้าอกเข้าใจอยู่กันแบบง่ายง่ายสบายใจเหมือนเป็นเพื่อนพี่น้อง แล้วก็มอบความรักให้กันและกันด้วยดูแลกันและกัน พอเค้าเข้ามาขอทำความรู้จัก เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะให้เบอร์เค้าซะทีเดียวก็เลยบอกให้เค้าเอา LINE มาก่อน แล้วพอวันนึงเรารู้สึกว่าพร้อมเราก็เลยแอดไป

2. เรย่า ทำไมเปลี่ยนมาเป็น LGBTQ เริ่มรู้ตัวตอนไหน

จริงๆตั้งแต่เด็กมาก็คบผู้ชายและคบทอมสลับกันไปมาตลอดนะคะ แต่ยังไม่เคยคบผู้หญิงผู้หญิง แบบ sapphic

3. แล้วตอนเค้ามาจีบเป็นอย่างไร เพราะเรย่าคบผู้ชาย มาโดยตลอด

เห็นพี่เค้าแบบผมยาวหน้าตาเก๋เก๋ผิวสีแทน น่ารักดีดูแปลก ซื่อซื่อ เค้ากล้ามากกล้าที่จะมาจีบเรา แต่พอคุยแล้วรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีมากเราคุยกันได้ทุกเรื่องพอเราเริ่มจะชอบเค้าเค้าก็ไปตัดผมสั้นทำตัวเป็นทอมซะอย่างงั้นเพราะเขาอยากจะชนะใจเรา เรานี่เซ็งไประยะหนึ่งเลย เพราะเราอยากคบผู้หญิงผมยาวสวยสวยเราไม่ได้อยากคบทอมแล้วอ่ะ แต่ก็เหมือนเราชอบเขาไปแล้ว เลยลองคบดูทะเลาะกันบ่อยมากไม่ใช่เรื่องอะไรเลยแต่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยากคบผู้ชายหรือคบทอมแล้วมันก็จะหงุดหงิดรำคาญใจเวลาเห็น และความคาดหวังต่างๆที่เราอยากให้เขาเป็นแต่เราก็คิดถึง สมัยแรกแรกที่ได้เจอแทมมี่ เราขอให้เขากลับไปเป็นตัวของตัวเองเถอะเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม เราก็เริ่มทำตัวแมนขึ้นเรื่อยเรื่อยแทมมี่เขาก็เริ่มทำตัวหญิงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ด้าน เลยคุยกันให้เค้าเป็นตัวของตัวเอง เรย่าเป็นตัวของตัวเอง แล้วเราดันทำถึง สุดท้ายเลยตกลงกันในความเป็นตัวของตัวเอง ความรักไม่มีเพศ แค่เราเข้าใจกัน แล้วพอเป็นแบบนี้มันดันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวพอดี ตอนนี้เราเข้าใจและไม่ทะเลาะกันเลยแล้วเป็นตัวของตัวเองมาก ๆ เรารู้สึกดีใจภูมิใจที่ได้ดูแลเขา เค้าก็ออกจากงานมาเป็นแม่บ้านดูแลเราดูแลครอบครัวอย่างดีมากๆรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ลงตัว

4 แล้วพี่แทมล่ะคะ เคยคบผู้หญิงมาก่อนไหม

สำหรับแทมเคยคบทั้งผู้ชายแล้วก็ทั้งผู้หญิงค่ะแต่ด้วยตอนนั้นเรารู้สึกชอบเขามากจะทำยังไงถึงจะชนะใจเขาได้ พอเค้าเริ่มคุยกับเราเราก็รีบไปผมสั้นทำตัวเป็นทอมเลยเผื่อจะชนะใจเขา เราก็พยามปรับตัวนะไม่ได้รู้เลยว่าจริงๆเค้าชอบผู้หญิงผมยาวมากกว่า สุดท้ายพอเค้าบอกให้เราเป็นตัวของตัวเองเราก็เป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด แล้วเรย่าก็ดูแลแทมมี่ดีมาก

5. ทำไมถึงกล้าที่จะจีบเรย่า นานไหม คิดว่าอะไรที่ทำให้เค้าใจอ่อน

ไม่ได้ตัดสินใจนานนะคะที่จะจีบ เห็นเค้าสวยมีเสน่ห์น่ารักดีเป็นสเปคของเรา เราเลยตัดสินใจคุยกับเขา แต่เขาก็ยังไม่ได้ให้เบอร์เราหรอกเขาก็บอกเอา LINE ไอดีมา เราก็หวังนะว่าเค้าจะแอด LINE มาแล้ววันนึงเค้าก็แอดมาจริงๆ ส่วนเรื่องทำให้เขาใจอ่อนน่าจะเป็นความบ้าบิ่นของเรามากกว่า เหมือน เค้าคงเห็นความตั้งใจของเราค่ะ ว่าเรานี้ก็ไม่ได้สวยแซ่บ ขนาดนั้น หรือมีอะไรมากที่จะไปเทียบกับความเป็นเรย่าได้ แต่สิ่งที่มีคือความตั้งใจจริง เรย่าเค้าอาจจะมองว่าเราซื่อซื่อ และตั้งใจที่จะมีเค้าจริงๆในชีวิต เราอยากให้เขาเป็นคู่ชีวิตของเราและอยู่กันตลอดไปจริงๆ ทุกอย่างที่เราแสดงออกไปเรย่าคงมองเห็นตรงนั้น

7. อะไรที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน

ตอน พี่แทมมี่ทำตัวเป็นทอมเค้าก็ขอเราแต่งงานแหละ คงกลัววันนึงเรากลับต่างประเทศแล้วจะต้องแยกกัน แต่เรย่าเองน่ะไม่ค่อยจะสบายใจ เพราะไม่รู้ว่าจะเข้ากันได้มากแค่ไหน สิ่งนี้ใช่สำหรับชีวิตเราจริงไหม

แต่พอสำหรับร่างกัน พอพี่เค้าเป็นผู้หญิง เป็นควีนส์ แล้วเราเป็นฝ่ายดูแลเทคแคร์เขา เป็นผู้นำในชีวิตคู่ เรากลับแฮปปี้กับแบบนี้มากๆเลย รู้สึกชีวิตฟินขึ้นมากอะไรก็ลงตัว ในทุกๆด้าน เราเลยเป็นคนขอเค้าแต่งงานเองอีกรอบ และตัดสินใจว่า จะหยุดอยู่ที่คนนี้จริงๆไปตลอด

8 กฎหมายที่ประเทศออสเตรเลียเรื่องสมรสเท่าเทียมเป็นอย่างไรบ้าง

(เป็นเวลาห้าปีแล้วที่ ออสเตรเลีย ออกกฎหมายให้การแต่งงานของคนเพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากผลการสำรวจทางไปรษณีย์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2017 พระราชบัญญัติการแต่งงานได้รับการปรับปรุงเพื่อให้มีความเท่าเทียมกันในคู่รักเพศเดียวกันในปี พ.ศ.2010 ออสเตรียอนุญาตให้คู่รัก Gay และ Lesbian สามารถจดทะเบียนเป็นคู่ชีวิตหรือ Civil Partnership ได้ก่อนที่ในปี พ.ศ.2019 จะประกาศกฎหมายให้คู่รักเพศเดียวกันมีสถานภาพสมรสได้)

9. มองอย่างไรที่ตอนนี้ประเทศไทยกำลังจะมีกฎหมายเรื่องสมรสเท่าเทียม

เรย่าว่ามันสำคัญมากนะคะ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎหมายก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ความยุติธรรมกับทุกคน เราเชื่อว่ากลุ่มLGBTQ ทุกคนเคารพกฎหมายไม่มีใครอยากที่จะเป็นคนนอกกฎหมาย เราเต็มใจและพร้อม จริงๆมันเป็นข้อดีของประเทศชาติด้วยซ้ำในการดูแลคนทั้งประเทศทุกกลุ่มจริงให้อยู่กันอย่างสันติ มีความเท่าเทียมในทุกด้าน มีสิทธิในความเป็นมนุษยยชน ในการใช้ชีวิต เรื่องนี้มันสำคัญมากๆ จริงๆคู่ชีวิตที่แต่งงานกันถ้าเค้าตัดสินใจจะแต่งงานกันแล้วนั่นหมายถึงไม่ใช่แค่เรื่องนอนด้วยกันแต่เป็นเรื่องของความตั้งใจที่จะรับผิดชอบกันและกันไปตลอดชีวิตทั้งในเรื่องความซื่อสัตย์ ทั้งเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ไม่ว่าใครจะเป็นคนออกไปทำงานหรือใครจะเป็นแม่บ้านอยู่ ใครเป็นคนดูลูก ลูกเป็นลูกของใคร ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งสิ้น หากคนกลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายนั่นหมายถึงเราก็ทำอะไรเหนือกฎหมายได้ รวมถึงเราก็อาจจะขาดสิทธิประโยชน์ต่างๆความเท่าเทียมที่เราสมควรที่จะได้รับ สมรสเท่าเทียมเป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่สุดแล้วที่ทุกประเทศในโลกควรจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย

เราเกิดเป็นคนไทย ออสเตรเลียมีมานานแล้วค่ะเรื่องสมรสเท่าเทียม แม้กฎหมายสมรสเท่าเทียมยังไม่ออกในอดีต ออสเตรเลียก็จะมีงานที่เรียกว่า Madigras ในทุกเดือนมีนาคม เป็นขบวน parade ของ LGBTQ ที่ทุกชาติทั่วโลกจะต้องมาร่วมเดิน ถือเป็นประเทศที่มีการเฉลิมฉลองและเรียกร้องสิทธิของ LGBTQ ที่มากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ซึ่งเค้าทำสำเร็จแล้ว เรย่าเองเป็นคนไทยมองเรื่องนี้ที่ประเทศไทยมาตลอดและภูมิใจกับการที่ประเทศไทยเราพัฒนามาได้ถึงจุดที่เป็นสากลและประเทศไทยเรารักประชาชนของเรา มอบความเท่าเทียมให้กับคนทุกกลุ่ม ทั่วทั้งประเทศ มันเป็นความภาคภูมิใจแล้วพี่แทมมี่เค้าก็เป็นคนไทยอาศัยอยู่ในประเทศไทยเค้าเป็นคนกลุ่มน้อยกลุ่มนึง ซึ่งเรารู้สึกภูมิใจที่ได้เราได้ทำสิ่งนี้เพื่อตัวเราเองเพื่อเขาและเพื่อประเทศไทยของเราด้วย

11 อยากให้พูดถึงการยอมรับความเท่าเทียม ระหว่างเพศ และให้คนไทยร่วมกันสนับสนุน

คนเราต้องรู้จักรับและให้ คนกลุ่มนี้ยังให้ความเท่าเทียมกับทุกๆคนที่เป็นชายรักหญิง แล้วทำไมกลุ่มที่เป็นชายรักหญิงถึงให้ความเท่าเทียมกับกลุ่มที่เป็น LGBTQ ไม่ได้พวกเรายังให้ความเท่าเทียมกับพวกคุณเลยแล้วพวกคุณจะเป็นผู้รับฝ่ายเดียวหรอ เรื่องเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ สังคมจะพัฒนาไปได้นั้น จะปฎิเสธไม่ได้ว่าเรามีคนในทุกรูปแบบทุกกลุ่มที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันมารวมตัวกันเพื่อพัฒนาสังคมนั้นให้ดีขึ้น

กลุ่ม LGBTQ หลายครั้งเป็นคนสำคัญสำคัญที่พัฒนาด้านต่างๆของประเทศไทย ในเมื่อเรายอมรับมันสมองความสามารถของคนกลุ่มนี้แล้วเหตุใดเราจึงมาจำกัดเรื่องเพศ

ความสำคัญของกฎหมายของประเทศคือการดูแลทุกคนให้อยู่กันอย่างสันติสุข อยากให้ประชาชนคนไทยมองว่าเพศสภาพในทุกรูปแบบ ไม่ได้ตัดสินว่าคู่นี้จะอยู่กันได้ตลอดหรือไม่คู่นี้จะแต่งงานแล้วไม่มีการหย่าร้าง

เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใครเราต้องมองตัวเราเองก่อนว่าเราทำอะไรเพื่อให้สังคมอยู่อย่างสันติสุขบ้าง ตรงนี้คือสิ่งสำคัญ

12. ความพิเศษของการจัดงานแต่งครั้งนั้เป้นอย่างไร มีเซอร์ไพร๊ซ์อะไรบ้าง อื่น ๆ

ความพิเศษน่าจะเป็นเรื่องของตั้งแต่ก่อนงานแต่งจะจัดขึ้นได้ ขอบคุณที่ ฝ่ายครอบครัว และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ท่านเป็นคนรุ่นเก่ามากๆ และอยู่ในหลายสายงาน ทั้งข้าราชการ อาจารย์ ทหาร ตำรวจ สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้และให้เกียรติมางาน ไม่ได้คิดว่าเราทำเสื่อมเสียสถาบันการศึกษา ที่เราเรียนอยู่ในระดับปริญญาเอก ซึ้งเราทั้งคู่ปลาบปลื้มมาก พิธีไม่ได้เด่นไปกว่างานแต่งของชายหญิงทั้งไป แต่ง่ความสำคัญ อยู่ตรงนี้ กว่า เจ้าสาวกับเจ้าสาว และ ผู้ใหญ่ให้เกียรติมางานเรา นั่นแปลว่า งานนี้ จะเป็นกระบอกเสียงให้ การแต่งงาน LGBTQ เปิดกว้างขึ้น คนกล้าทำตาม เปิดเผย ไม่ต้องเก็บเงียบ ซ่อนตัวกันอีก ต่อไป ค่ะ