MARA
- ชื่อเรื่อง Mara ตื่นไหลตาย
- ประเภท Horror
- กำหนดฉาย 20 กันยายน
- บริษัทจัดจำหน่าย โมโนฟิล์ม
- อำนวยการสร้าง เวนดี้ โรดส์ (The Haunting in Connecticut)
- ควบคุมงานสร้าง สตีเว่น ชไนเดอร์ (Insidious, Split)
- กำกับ ไคล์ฟ ตองเก้
- เขียนบท โจนาธาน แฟรงค์
- แสดงนำ โอลก้า คูรีเลนโก Olga Kurylenko (Quantum of Solace, Oblivion)
เรื่องย่อ
หลังเกิดคดีการตายผิดธรรมชาติของครอบครัวหนึ่ง นักจิตวิทยา “เคต ฟูลเลอร์” รับหน้าที่สืบคดีแปลกประหลาดครั้งนี้ เธอได้สืบพยานผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งเป็นเด็กน้อยในวัย 8 ขวบอย่าง “โซฟี” เธอเอ่ยปากพูดเพียงคำว่า “มาร่า” เมื่อเคต ถลำลึกไปกับการสืบคดีทำให้เธอได้พบกับกลุ่มคนที่อ้างว่าพวกเขาถูกทรมานจากปีศาจร้ายที่ตามหลอกหลอนผู้คนมาอย่างยาวนาน และจะทำร้ายพวกเขาได้เฉพาะในตอนที่หลับเท่านั้น เคตต้องเร่งไขคดีปริศนาครั้งนี้ก่อนที่เธออาจจะต้องตกเป็นเหยื่อรายถัดไป
เกี่ยวกับภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานความคิดมาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคนทั่วไป การเป็นอัมพาตชั่วขณะเวลานอน หรือ ที่หลายคนรู้จักกันว่า การโดนผีอำ ที่ว่า ร่างกายไม่สามารถขยับได้ แต่เราสามารถรับรู้ได้ทุกสิ่งรอบข้าง ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เคยมีประสบการณ์ครั้งนี้ ไคล์ฟ ตองเก้ ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้กล่าวว่า “ผมได้ไอเดียนี้มาตั้งแต่สมัยที่ผมยังเป็นวัยรุ่น เพื่อนของผมบอกว่าโดนผีอำ รู้สึกตัวแต่ขยับไม่ได้ ผมก็สงสัยว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง จนกระทั่งเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผมไปเที่ยวต่างเมือง และเข้าเช็คอินที่พักเก่าแห่งหนึ่ง คืนนั้นด้วยความที่ตัวเองเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จึงเผลอหลับไป แล้วกลางดึกคืนนั้น เขามารู้สึกตัวเองอีกที แต่คราวนี้ เขาไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้เลยแม้แต่น้อย ประสาทสัมผัสของผมยังดีทุกอย่าง ผมได้ยินเสียงทีวีที่เปิดอยู่ มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบห้อง แต่แค่จะเอื้อมไปหยิบรีโมตยังทำไม่ได้เลย ผมจำได้ว่าหัวใจเต้นเร็วมาก เพราะเราไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เวลาผ่านไปได้สัก 1 นาที ผมถึงสามารถขยับตัวได้อีกครั้ง” นับตั้งแต่ตอนนั้นเองที่เขาสนใจเรื่องอัมพาตขณะหลับ และเริ่มไปศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง แน่นอนว่ามันสามารถอธิบายในรูปแบบวิทยาศาสตร์ได้ ว่าอาจจะมาจากร่างกายที่เหนื่อยล้าชั่วขณะ แต่ทำไมบางคนที่เกิดอาการอัมพาตขณะหลับแล้วถึงรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง เขาเก็บเอาไอเดียเหล่านี้ไว้จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสมาสร้างภาพยนตร์
ไคล์ฟ ตองเก้ เป็นนักทำภาพยนตร์ขนาดสั้นแนวสยองขวัญมาก่อน จนกระทั่งไปได้ไปเข้าตากับ สตีเว่น ชไนเดอร์ โปรดิวเซอร์ชื่อดัง ที่เคยคุมงานภาพยนตร์สยองขวัญที่โด่งดังอย่าง Paranormal Activity และ Insidious มาแล้ว สตีเว่น เป็นนักทำหนังที่ชอบไปงานเทศกาลภาพยนตร์เล็กๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเทศกาลหนังสยองขวัญเสียด้วย “ผมชอบการไปเดินดูหนังในเทศกาลหวีดสยองขวัญอยู่เรื่อย ทุกๆ ปี ผมจะได้เจอหนังที่โดดเด่น หรือนักทำหนังที่มีไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก ด้วยเงินหรืองบประมาณที่จำกัด แต่พวกเขาสามารถทำหนังออกมาได้อย่างน่าสนใจขนาดนี้ ลองนึกถึงภาพถ้าพวกเขาได้รับการสนับสนุนที่ดี เขาจะสามารถพาเราไปได้ไกลขนาดไหน” สตีเว่นได้พบกับภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง Sunday Best หนังสยองขวัญว่าด้วยเรื่องราวของชายที่เข้าไปขอความช่วยเหลือจากบ้านหลังหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นเรื่องสยองที่ไม่มีใครคาดคิด สตีเว่นกล่าวว่า “เขาสามารถทำหนังแบบ The Texas Chainsaw ผสมกับหนังสยองขวัญประเภทโรคจิตได้อย่างเนียนมาก มันทั้งระทึกแล้วก็ทำให้ท้องไส้เราปั่นป่วนด้วยความจิตป่วยของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก” หลังจากนั้นเขาก็ได้ติดต่อไปที่ ไคล์ฟ และคุยกันเพื่อหาโอกาสหรือไอเดียในการทำหนังขนาดยาว
ไคล์ฟ กล่าวว่า “ตอนแรกผมคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก ผมรับสายแล้วคนในปลายสายพูดว่า เขาเป็นตัวแทนจากคุณสตีเว่น สตีเว่นได้ดูหนังของผมและเขาชอบมันมาก เขาอยากคุยกับคุณ ผมเลยตอบกลับไปว่า นี่คุณล้อเล่นใช่มั้ย” และแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เมื่อไคล์ฟ ตองเก้ ไปพบกับ สตีเว่น จริงๆ และเขาก็ยังแทบจะไม่เชื่อตัวเองเสียเท่าไหร่นัก “เราไปเจอกันที่คาเฟ่ แล้วเขาก็แนะนำตัวว่าเขาเป็นนักวิจารณ์หนังมาก่อน และตอนนี้ผันตัวมาเป็นโปรดิวเซอร์ หนังเรื่องล่าสุดคือ Paranormal Activity คุณคุ้นหูไหม ผมก็อยากที่จะบอกว่า จะบ้าหรอ มีใครบ้างไม่รู้จัก ตอนนั้นผมชอบเขาที่เขาเป็นมิตรและถ่อมตัวมาก โดยคิดว่าคนอื่นจะไม่รู้จักหนังของเขา เขาไม่ได้ทะนงตนเลยว่าเขาทำหนังดังมา มันไม่ใช่แบบนั้นเลย” ไคล์ฟกล่าว
สตีเว่น ถามตองเก้ คุณอยากลองทำหนังยาวดูไหม แล้วคุณมีไอเดียอะไรบ้าง ในตอนนั้นตองเก้ คิดออกแต่เพียงเรื่องเดียวที่เขาอยากทำมาตั้งแต่ที่เริ่มทำหนังแต่ไม่มีโอกาสได้ทำมันเสียที เขาจึงเล่าประสบการณ์การถูกผีอำของเขาและของเพื่อน สตีเว่นสนใจในไอเดีย แต่เขาบอกว่า เขาอยากให้มันมีเรื่องราวที่อ้างอิงจากข้อเท็จจริงซึ่งมันจะน่าสนใจมาก ถ้ามันมีการค้นคว้าวิจัย เขาเชื่อว่ามันจะน่าสนใจมากกว่านี้ เขาจึงให้เวลา ไคล์ฟ กลับไปหาพลอตเรื่องที่มีฐานจากไอเดียนั้น
การบ้านอันหนักหน่วงของไคล์ฟ คือการพยายามหาพลอต หาเรื่องราวที่ขายได้ มันไม่เหมือนกับการทำหนังสั้นอีกต่อไปแล้ว ในหนังสั้นคือการที่เรานำบิ๊กไอเดีย มาสร้างสถานการณ์ มันไม่จำเป็นที่จะต้องมีการเล่าเรื่องที่มากมายนัก แค่เป็นช่วงเหตุการณ์ๆ หนึ่งเท่านั้น แต่กับหนังยาวเขาต้องกลับมานั่งคิดใหม่ หาจุดเริ่มต้น หาจุดเชื่อมโยง และสุดท้ายจะให้มันจบอย่างไร
เมื่อเขาได้เริ่มค้นหาก็ยิ่งสนุกไปกับมัน การเป็นอัมพาตชั่วขณะนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เป็นเรื่องปกติ แต่มีจำนวนหนึ่งที่พูดถึงเรื่องราวของการที่พวกเขาโดนหลอกหลอนจากสิ่งเหนือธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่าผีอำนั้นแทบจะมีพูดเหมือนกันทั่วโลก พวกเขาประสบเหตุไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางครั้งเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แต่หลายเคสก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วจุดจบของแต่ละเหตุการณ์ควรจะเป็นแบบไหน สุดท้ายแล้วเขาต้องมาชะงักกับคำๆ หนึ่งหลังจากการค้นคว้า นั่นคือคำว่า “ไหลตาย”
ไคล์ฟ ตองเก้ ติดใจกับคำว่า “ไหลตาย” (SUND – Sudden Unexpected Death Syndrome) อาการของคนที่ตายโดยกระทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ดังนั้น เขาจึงคิดที่จะผูกเรื่องราวเข้าเอาไว้ด้วยกัน เมื่อเขาลองค้นคว้าเหตุการณ์ก็พบกับความน่าเหลือเชื่อ จากเรื่องที่เกิดขึ้นจริงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาวม้งที่ลี้ภัยไปที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1977 ที่ทั้งหมดตายกะทันหันในขณะที่หลับ และอีกครั้งเกิดที่สิงคโปร์ เมื่อคนไทย 230 ชีวิต ในระหว่างปี 1982 ถึงปี 1990 ได้มีรายงานการเสียชีวิตจากการไหลตาย นอกจากนั้นยังเกิดขึ้นที่ฟิลิปปินส์และอีกหลายประเทศทั่วโลก โดยสาเหตุการตาย ตามความเชื่อของคนโบราณที่พวกเขาได้สัมผัสกับวิญญาณ แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ทำให้ ตองเก้ ถึงกับอึ้ง เพราะการที่เขาคิดเล่นๆ ว่าการโดนผีอำจะสามารถนำไปสู่การไหลตายได้ แต่ปรากฏว่ามันอาจเคยเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้คนพวกนั้นตายกันแน่
ไคล์ฟ ตองเก้ พูดถึงภาพยนตร์สยองขวัญที่เขาชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่งนั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง The Ring ในฉบับฮอลลีวูด เขายอมรับว่าเขาไม่ได้เป็นแฟนจากหนังต้นฉบับญี่ปุ่น (Ringu) แต่เขากลับชอบเรื่องราวของการไล่ล่าตามหาข้อเท็จจริงแข่งกับเวลาที่จะสามารถปลดปล่อยเธอและลูกออกจากคำสาปได้ “ผมคิดว่ามันคือหนังระทึกขวัญที่มีส่วนผสมของหนังสืบสวนสอบสวนมันเลยทำให้หนังน่าสนใจและน่าติดตามตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง ถ้าคุณมัวแต่เล่าเรื่องสยองขวัญน่ากลัวด้านเดียว ผมคงเบื่อมันมาก แต่นี่มันคือความสดใหม่ของหนังระทึกขวัญ เมื่อผมมีโอกาสได้ทำหนังผมจึงจะพยายามเอาข้อดีเหล่านั้นมาใส่ในหนังของตัวเอง”
แต่ก่อนที่เขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการ เขาจำเป็นต้องหาคนเขียนบทที่เขาวางใจ นั่นก็คือ โจนาธาน แฟรงค์ ที่เคยมีผลงานอย่าง The Tournament ที่มีนักแสดงอย่าง โรเบิร์ต คาร์ไล และ วิง เรมส์ นำแสดง ทั้งสองเคยรู้จักกันมาก่อนแต่ไม่ได้สนิทกันนัก ตองเก้ ไม่ใช่ผู้กำกับที่ถนัดงานด้านการเขียนบท เขามีแค่ไอเดียคร่าวๆ กับเรื่องราวที่เขาอยากจะเล่า เขาจึงหาคนที่สามารถจะถ่ายทอดสิ่งที่เขาคิดออกมาเป็นบทภาพยนตร์ได้ ทั้งคู่เริ่มทำงานร่วมกันได้อย่างดี ตองเก้ รับหน้าที่การค้นหาข้อมูลอ้างอิง ส่วน โจนาธาน เป็นคนนำไอเดียเหล่านั้นมาสร้างสถานการณ์
หลังการพูดคุยทำความรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว เขาสังเกตว่าสิ่งที่ไคล์ฟชอบนั้นเป็นอย่างไร เขาเลยพยายามเขียนบทเรื่องนี้ให้เป็นไปในแนวทางที่ ไคล์ฟ ชอบ ดังนั้นหนังจึงมีการพยายามเอาชนะคำสาปก่อนที่มันจะสายเกินไป ตัวเอกของเรื่องเป็นผู้หญิงที่เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา อีกทั้งยังมีความสามารถในการสืบคดี ช่างสังเกต คดีสุดหินที่เธอได้รับเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นภายในบ้านหลังหนึ่ง ครอบครัวนั้นผู้เป็นพ่อได้เสียชีวิตไปอย่างประหลาด ผู้เป็นแม่คือผู้ต้องสงสัยอันดับต้น และ เด็กสาวผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ด้วยความที่เธอเป็นจิตแพทย์เธอจึงต้องพูดจาหว่านล้อมเพื่อที่จะให้เด็กสาวพูดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยสัญญาว่าถ้าเธอเล่าทุกสิ่งแล้ว แม่ของเธอจะไม่ต้องตกเป็นผู้ต้องหา และนั่นอาจจะเป็นคำสัญญาลวงที่ส่งผลในอนาคต
“จากการค้นคว้าวิจัยมาหลายแห่งเรามักจะค้นไปเจอกับคำว่า มาร่า (Mara) ในหลากหลายวัฒนธรรมทั่วโลก” ตองเก้ กล่าว คำว่า Mara ได้กลายเป็นคำที่ใช้ในหลากหลายประเทศทั่วโลก แต่การสะกด การออกเสียงจะต่างออกไปบ้าง Mara ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้นำมาใช้เป็นคำที่เรายกมาจากนิยายพื้นบ้านของแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งมันคือปิศาจร้าย (Demon) เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ คำว่า “มาร” ในประเทศไทย เป็น มารที่อยู่ในศาสนาพุทธ, ในฮินดู Mara คือเทพเจ้าแห่งความตาย สิ่งนี้เองที่กลายเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะมาเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน
เกี่ยวกับการถ่ายทำ
หลังจากที่บทภาพยนตร์ได้กลายเป็นรูปเป็นร่างจากการร่วมงานกันของไคล์ฟ ตองเก้ และ โจนาธาน แฟรงค์ พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะนำไปเสนอกับโปรดิวเซอร์ยิ่งใหญ่แห่งยุคอย่าง สตีเว่น ชไนเดอร์ ผู้ที่เคยมีผลงานสุดโด่งดังอย่าง Paranormal Activity และ Insidious และกลายเป็นว่าเมื่อสตีเว่นได้อ่าน เขาชอบมันมาก “ผมได้ให้เวลาเขาไปทำการค้นคว้า แต่สิ่งที่เขาทำมา มันลงรายละเอียด และมีจุดหักมุมที่โดดเด่นกว่าหลายเรื่องที่เขาเคยเจอมา” สตีเว่นกล่าว
แต่ถึงกระนั้นด้วยความที่โปรดิวเซอร์มือทองอยู่ในช่วงที่งานถาโถมเข้ามาตลอดทั้งปี ไม่ว่าการเตรียมงานสร้าง หนังภาคต่อ ของ Paranormal Activity และ Insidious เลยกลายเป็นว่า คิวงานของเขานั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย ทำให้งานหนังเรื่องนี้ถึงกับสะดุดออกไปหลายปี สตีเว่น กล่าวว่า “ผมรู้สึกเสียใจและเสียดายมากที่ช่วงนั้นผมมัวแต่วุ่นกับงานที่รายล้อมเข้ามาไม่หยุดหย่อน หลายเรื่องเป็นหนังจากสตูดิโอใหญ่ที่เขาพร้อมและมีเงินมากพอ มีนักแสดงที่เรียงคิวกันมา และทุกเรื่องล้วนมีความเป็นไปได้ในการที่มันจะออกมาประสบความสำเร็จ” แต่หลังจาก Paranormal Activity: The Ghost Dimension สตีเว่น เริ่มรู้สึกว่าเขาแอบเบื่อหน่ายกับซีรีส์หนังภาคต่อชุดนี้แล้ว และถึงเวลาแล้วที่เขาจะหันไปหางานอื่นที่เขาสนใจ และหนังเรื่องแรกที่เขาหยิบมาคือหนังเรื่อง Mara เขาจำได้ว่าบทหนังเรื่องนี้เป็นบทหนังที่เขาชอบ และอยากที่จะร่วมงานด้วย แต่ด้วยความที่เขาหาคิวงานที่ว่างไม่ได้ในช่วงนั้น เลยทำให้เขาต้องปฏิเสธการสร้างไป ดังนั้นเมื่อเขามีเวลาเขาจึงติดต่อกลับไปที่ ไคล์ฟ ตองเก้ ถามว่า “คุณพร้อมที่จะทำหนังเรื่องนี้ไหม”
ไคล์ฟ ตองเก้ หลังจากที่อกหักมาเมื่อคราวนั้น ได้ค้นพบทางสว่างขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เขายังวนเวียนอยู่กับวงการหนังสั้นมาสักระยะ “ตอนที่เขาโทรมา ผมก็ตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก ใจนึงก็ยังโกรธอยู่ แต่อีกใจนึงก็แอบดีใจว่าในที่สุดความฝันของเขากำลังจะเป็นจริง” และแล้วทั้งคู่ก็ได้กลับมาตั้งโต๊ะคุยกันอีกครั้ง สตีเว่นบอกกับไคล์ฟว่า งานที่ยากที่สุดในตอนนี้คือการหานายทุน เขาจะพยายามหาคอนเนคชั่นที่เชื่อมั่นในตัวเขาและจะลองไปขายบทนี้กับเหล่านายทุน เขาต้องการให้ไคล์ฟ ไปด้วยกันกับเขา เพื่อให้เห็นว่าศักยภาพของเขาเป็นไปได้แค่ไหน และจุดเด่นของหนังเรื่องนี้คืออะไร
แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อสตีเว่น หานายทุนได้ด้วยเวลาไม่นานนัก เวนดี้ โรดส์ ผู้ที่เคยกำผลงานสยองขวัญอย่าง The Haunting in Connecticut ได้กล่าวว่า “แน่นอน ตอนที่สตีเว่นขอเข้ามาคุยเรื่องโปรเจคหนังใหม่ ฉันไม่มีทางปฏิเสธเขาได้อยู่แล้ว สตีเว่น มองเห็นในสิ่งที่เรามองไม่เห็น เราจึงเชื่อใจเขา แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ฉันสนใจหนังเรื่องนี้ คือ ความน่ากลัวของมัน มาร่า คือปีศาจที่อยู่ในความฝัน เราทุกคนต่างเคยผ่านประสบการณ์โดนผีอำ ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น และฉันเชื่อเหลือเกินว่าบางเรื่องมันไม่มีอะไรที่วิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายมันได้หมดทุกอย่างหรอก” การเป็นอัมพาตขณะหลับ และ การไหลตาย เป็นสิ่งที่เวนดี้สนใจเป็นอย่างมาก เธอจึงไม่ลังเลที่จะลงทุนกับหนังเรื่องนี้
สิ่งถัดไปที่ต้องทำคือการคัดเลือกนักแสดง โจนาธาน คิดภาพในใจไว้คือ นาโอมิ วัตส์ จากเรื่อง The Ring และพวกเขาก็ลองติดต่อไปที่เธอจริงๆ แต่ด้วยความที่ตารางงานที่ค่อนข้างเร่ง เธอจึงไม่สามารถที่จะมาร่วมถ่ายทำได้ ทางไคล์ฟ เอง จึงต้องหาตัวเลือกสำรองจากฝ่ายแคสติ้งและเขาเล็งเห็นรายชื่อนักแสดงที่สะดุดตามากชื่อหนึ่งนั่นคือ โอลก้า คูริเลนโก นักแสดงหญิงที่เมื่อพูดถึง ก็จะมีแต่ภาพของนักแสดงหนังแอ็คชั่น เพราะงานที่ผ่านมาของเธอ ไม่ว่าจะเป็น Quantum of Solace, Oblivion, Hitman และ Momentum นั้นล้วนแต่เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นแทบทั้งสิ้น เราจึงไม่คุ้นหน้าเธอกับการรับบทหนังสยองขวัญแน่ๆ การที่เราจะให้เธอมารับบทหนังสยองขวัญมันคงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ
เมื่อได้มีโอกาสเลือกนักแสดงระดับที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางแล้ว พวกเขาก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย บทบาทนี้จึงไปตกเป็นของเธอย่างง่ายดาย “เขาส่งบทมาให้ฉันอ่าน และบอกว่า พวกเขามั่นใจมากว่าบทนี้มันเข้ากับฉัน” และเมื่อเธอได้ลองอ่าน เธอก็ตกใจมากเพราะนี่เป็นหนังสยองขวัญเรื่องแรก ที่เธอได้รับ ส่วนใหญ่แล้วงานเก่าที่ผ่านมาของเธอจะเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่น การแสดงสีหน้า ท่าทางต่างๆ มันก็เป็นการออกแบบมากับหนังแบบนั้น แต่นี่กับหนังสยองขวัญ ที่มันต้องมีฉากที่เธอจะต้องเจอกับปีศาจร้ายในขณะที่หลับ เธอจะไม่สามารถขยับอะไรได้ ฉะนั้นมันจึงจำเป็นที่จะต้องแสดงออกทางสีหน้าเพียงเท่านั้น และนี่เองที่เป็นเหตุผลที่เธอตัดสินใจที่จะแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้
“ฉันชอบหนังสยองขวัญที่แข่งกับเวลา มันมีทั้งความเป็นสยองขวัญและลุ้นระทึกกับการที่เธอจะทำอย่างไรเพื่อให้มีชีวิตรอด” โอลก้า กล่าว นี่คือสิ่งที่ทำให้เธอชอบบทหนังเรื่องนี้ นอกจากเธอจะเป็นนักจิตวิทยาแล้ว เธอยังเป็นคนฉลาด จิตใจดี เธอมีปมในอดีต ที่ไม่อยากทำให้เด็กน้อยจะต้องทนทุกข์ในแบบที่เธอเคยเป็นมา นอกจากการที่เธอจะต้องเอาชีวิตตัวเองให้รอดด้วยแล้ว เด็กน้อยก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับคำสาปด้วยเช่นกัน ฉะนั้นแล้วเธอจึงต้องทำทุกวิถีทางที่แข่งกับเวลาเพื่อที่จะช่วยชีวิตเด็กคนนั้น
และอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ มาร่า ปีศาจร้ายในฝันของเรื่อง “ในบท เราจะได้เห็นเธอมาแบบเล็กๆ น้อยๆ มาก แต่กับผม ผมอยากทำอะไรที่แปลกสุดโต่งให้คนดูต้องเหวอ ถ้าคุณลุกออกจากโรงหนังแล้วไม่เหวอ แปลว่าเรามาไม่ถูกทาง” สตีเว่น กล่าว ฉะนั้นแล้วการที่จะทำให้คนดูอึ้ง จึงจำเป็นที่จะต้องคิดนอกกรอบ ประจวบเหมาะกับ ช่วงนั้นภาพยนตร์เรื่อง [REC] ได้โด่งดังเป็นพลุแตก หนังผีบ้าที่เกิดขึ้นในอพาทเมนท์แห่งหนึ่ง และสิ่งที่โด่งดังมากๆ ในเรื่องนั้นคือ นักแสดงทีชื่อ ฮาเวียร์ โบเต็ด ที่รับบทเป็น ผีบ้า ที่สุดหลอน ด้วยโครงสร้างทางร่างกายที่ผิดปกติ ผอม สูง ของเขา ได้ทำให้เขาได้รับบทผี ในอีกหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น เรื่อง Mama, Crimson Peak, The Conjuring 2, The Mummy, Insidious: The Last Key และ ผลงานที่กำลังจะเข้าฉายอย่าง Slender Man ด้วยความโดดเด่นของร่างกายเขา ทำให้ สตีเว่น ได้เกิดไอเดียขึ้นมาว่า เราให้ ฮาเวียร์มเล่นบท มาร่า เขาไม่อยากที่จะทำหนังผี CG เยอะๆ แต่ต้องการให้มันดูสมจริงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และเขาเชื่อว่าถ้าผู้ชมได้เห็นมาร่าในแบบฉบับนี้ คนดูจะต้องเหวอ แบบที่เขาคิดแน่นอน
การเข้ามาของ ฮาเวียร์ โบเต็ด ได้เติมเต็มภาพยนตร์เรื่องนี้ การที่เราตั้งชื่อหนังว่า มาร่า มันควรจะมีอะไรที่มากกว่าสัญลักษณ์ของความน่ากลัวในขณะที่เราหลับ แต่ถ้าหากมันมีตัวตน ที่เรามองเห็นแล้วเรารู้สึกสยองไปกับมันจริงๆ มันจะเป็นเรื่องที่ดี การแสดงของเขาได้ทำให้หนังเรื่องครบสูตรของความน่ากลัว ผู้ชายที่มาในคราบปีศาจหญิงแก่ รูปร่างหน้าตาที่ผิดรูป ได้เพิ่มดีกรีความสยองของหนังได้อีกหลายขุม และนอกจากการแสดงแล้ว ผู้กำกับยังออกปากชมทีมแต่งหน้าที่สร้างสรรค์ตัวปิศาจได้น่ากลัว อย่าง บิล จอห์นสัน ที่เคยผ่านมาจาก The Hunger Games, The 5th Wave และหนังสยองขวัญอย่าง Oculus เขาได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ไคล์ฟ กล่าวว่า “เราดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับบิล เขาเป็นคนที่เก่ง เราแค่บอกเขาว่าเราอยากได้ผีน่ากลัว และมีรูปปีศาจจากงานวิจัยของเรามา แต่เขาทำได้เกินกว่าที่เราคาดหวังไว้มาก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมาก” ภาพยนตร์ได้ผี มาร่า ตามที่พวกเขาคาดคิดไว้ ทำให้การถ่ายทำราบรื่น
ภาพยนตร์ได้ยกกองกันไปถ่ายทำที่เมือง ซาวันน่า รัฐจอร์เจีย ซึ่งนับว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของรัฐนี้ และคงไม่มีอะไรที่หลอนไปกว่าที่นี่ เพราะที่แห่งนี้ยังเป็นเมืองท่าของการปฏิวัติของพลเมือง (Civil War) ด้วยบรรยากาศเมืองที่มีความเก่าแก่และมีโศกนาฎกรรมเกิดขึ้นหลายครั้งจึงเป็นเหตุผลที่เหมาะมากในการเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำ
ในช่วงของการถ่ายทำสิ่งที่ประทับใจผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มากที่สุดคือการแสดงของ โอลก้า คูรีเรนโก้ เพราะตอนแรกพวกเขาก็แอบหวั่นวิตกว่าเธอจะสามารถแสดงหนังเรื่องนี้ได้หรือไม่ แต่กลายเป็นว่าความเป็นมืออาชีพของเธอทำให้การแสดงของเธอนั้นลื่นไหล แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีสิ่งทีแก้ไขเลยสักนิด โอลก้า ได้บอกว่า เธอได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี และไคล์ฟ ก็ช่วยเธอได้มาก เขาสามารถอธิบายบท ของเธอได้อย่างละเอียด ทั้งคาแรกเตอร์ที่ต้องเป็น การแสดงความกลัว ว่าลิมิตมันอยู่ที่ตรงไหน และจุดไหนคือจุดที่เป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง
ในเรื่อง โอลก้า ต้องแข่งกับเวลาเมื่อเธอรู้ว่าเธอเองก็ได้กลายมาเป็นเหยื่อเช่นกัน การอดหลับอดนอน คือวิธีหนีผีที่ดีที่สุด แต่เธอจะสามารถอดนอนได้นานสักแค่ไหน คนเราเมื่อไม่ได้นอนมาหลายวัน จะเกิดอาการทางประสาทขึ้นมาอีก ทำให้เราแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือสิ่งที่จริง อะไรคือสิ่งที่ลวง สิ่งนี้คือสิ่งที่บทภาพยนตร์ได้ใส่รายละเอียดไว้อย่างดี ทำให้ฉากเหล่านี้นักแสดงแต่ละคนทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีสับสน
หนังใช้เวลาถ่ายทำทั้งสิ้น 2 เดือน จากการเตรียมงานค้นคว้า เกือบ 5 ปี ในที่สุดพวกเขาก็ได้ผลงานภาพยนตร์ที่เสร็จสมบูรณ์
เกี่ยวกับนักแสดง
โอลก้า คูรีเลนโก รับบท เคท ฟูลเลอร์
เคท ฟูลเลอร์ เป็นนักจิตวิทยา คดีการตายสุดสยองแบบผิดธรรมชาติได้กลายเป็นคดีแรกของเธอ เธอเป็นคนที่มีปมความหลังเมื่อครั้งที่เธอเป็นเด็ก เธอจำเป็นต้องไปอยู่บ้านกำพร้าและโตมาอย่างลำพัง แต่นั่นทำให้เธอได้เรียนรู้ความแข็งแกร่งในจิตใจ เธอเป็นคนที่เฉลียดฉลาด สุขุม และจิตใจดี
โอลก้า เป็นนางแบบ นักแสดงจากประเทศยูเครน มีผลงานสร้างชื่อด้วยการเป็นสาวบอนด์ จากภาพยนตร์เรื่อง Quantum of Solace เธอได้เข้าวงการด้วยอายุเพียง 13 ปี หนังจากที่เธอได้ย้ายไปอยู่ในมอสโควไม่นาน ด้วยการเป็นนางแบบ เธอได้ขึ้นปกนิตยสาร Glamour ด้วยวัย 18 ปี ตามด้วย Elle, Madame Figoro, Marie Claire และ Vogue ในเวลาถัดมา เธอได้เริ่มแสดงในภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 2005 จากภาพยนตร์เรื่อง The Ring Finger แล้วจึงได้ไปแสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวูดจากเรื่อง Paris, jet’aime จนกระทั่งได้แสดงเป็นสาวบอนด์ ในปี 2008 กับภาพยนตร์เรื่อง Quantum of Solace และตามมาด้วยภาพยนตร์ชื่อดังมากมายอย่าง Oblivion, The November Man, Momentum
ฮาเวียร์ โบเต็ด รับบท มาร่า
มาร่า คือ ปีศาจที่จะเข้ามาในความฝัน สาเหตุที่เข้ามานั้นยังไม่แน่ชัดเท่าไหร่นัก ตามการค้นคว้าเธอมีตัวตนในโลกนี้มาอย่างยาวนาน
ฮาเวียร์ โบเต็ด เป็นนักแสดงที่โด่งดังจากาภาพยนตร์เรื่อง [Rec] และ The Conjuring 2 เขาเกิดมาด้วยกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติที่เรียกว่า มาร์แฟน ซินโดรม (Marfan Syndrome) ที่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งมีหน้าที่ค้ำจุนโครงสร้างทางร่างกาย และการเจริญเติบโต เขามีรูปร่างสูง ผอม แขน ขา นิ้ว ยาวผิดปกติ เขาเป็นชาวสเปนโดยกำเนิด มีผลงานที่สร้างชื่อจาก [Rec] และได้ก้าวมาร่วมผลงานฮอลลีวูดจากเรื่อง Mama, Crimson Peak และโด่งดังถึงขีดสุดกับบทบาท Crooked Man จาก ภาพยนตร์เรื่อง The Conjuring 2