ชื่อเรื่อง When I Get Home, My Wife Always Pretends to be Dead
ผมล่ะเพลีย..เมียแกล้งตาย!?
ประเภท Comedy / Drama
กำหนดฉาย 19กรกฎาคม
บริษัทจัดจำหน่าย โมโนฟิล์ม
กำกับ ริ โทชิโอะ
เขียนบท ซึโบตะ อายะ
แสดงนำ นานะ อิกุระ
เคน ยาซูดะ
เรื่องย่อ
จะเพี้ยนแค่ไหนถ้าหากคุณกลับมาถึงบ้านแล้วพบภรรยานอนตายอยู่ทุกวันเรื่องราวของหนุ่มออฟฟิศที่วันหนึ่งเดินกลับมาถึงบ้านแล้วพบว่าร่างภรรยาของเขาท่วมไปด้วยเลือด แต่กลับพบว่าเธอแกล้งตาย วันถัดมาเธอก็ยังแกล้งตายด้วยวิธีการต่างๆ สารพัด โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ว่าเธอทำไปทำไม
** ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากกระทู้สุดดังบนYahoo! Answer ของผู้ชายที่มาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
Yahoo!เวปไซต์ชื่อดังที่เป็นแหล่งรวมทุกสิ่งอย่าง ได้ลงบทความชื่อดังที่ได้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ พร้อมนำแสดงโดยเหล่านักแสดงยอดฝีมือมากมาย
ความลับของพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของภรรยาที่ยังคงเป็นปริศนา สามีของเธอจะทำอย่างไร เตรียมหัวใจพองโตไปพร้อมกับหนังรักคอมเมดี้ ที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะและหยดน้ำตา
จากบทความที่ถูกโพสต์ในเวปYahoo สู่การ์ตูนมังงะ และสู่การ์ตูน VOCALOIDจนมาสู่ ภาพยนตร์
ที่มีชื่อเรื่องเดียวกันว่า
“When I Get Home, My Wife Always Pretends to be Dead”
ทำไมกลับมาบ้านทีไร ภรรยาของผมถึงได้แกล้งตายทุกทีมันมีความหมายยังไงกันแน่นะคำถามนี้ถูกโพสต์ลงในเวป Yahoo!เมื่อปี 2010โดยยูสเซอร์ที่มีชื่อว่า K. Kajunskyเล่าถึงภรรยาที่ “แกล้งตาย” ด้วยวิธีต่างๆ ในขณะที่รอสามีเลิกงานกลับบ้าน ด้านสามีเองก็พยายามแก้ปัญหากับปริศนาที่เมียแกล้งตายทุกวันโดยเรื่องนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ หากใครที่ได้อ่านแล้ว คงจะสัมผัสได้ถึงความสนุก ขบขัน และความอบอุ่นของคู่สามีภรรยานี้ได้อย่างแน่นอน
อีกทั้ง การ์ตูน VOCALOIDเรื่อง ほぼ日P( โฮะโบะนิจิ P ) ในเวปไซต์ที่มีชื่อว่า Niko Niko Pedia ( ニコニコ動画) ก็ถูกสร้างขึ้นมา โดยมีแรงบันดาลใจมาจากโพสต์นี้นั่นเอง แถมยังมีผู้เข้าชมมากกว่า 2 หมื่นครั้งต่อมาในปี 2011 ก็ได้มีการนำบทความเรื่องนี้มาสร้างเป็นฉบับการ์ตูนแบบFan Fiction ความยาว 3 ตอนและยังขึ้นเป็นการ์ตูนซีรี่ย์ยอดฮิต ที่มียอดขายมากกว่า 150,000 เล่ม ซึ่งนับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
สำหรับในรูปแบบของภาพยนตร์นี้ เพื่อให้บทบาทของเหล่าตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัย ท่าทางการพูด ของนักแสดง โดยเฉพาะบทภรรยาผู้เป็นตัวเอกในเรื่องมีความเหมือนกับต้นฉบับมากที่สุด ก็ได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่างริ โทชิโอะ (Ri Toshio) มาเป็นผู้กำกับการแสดง ที่เคยฝากผลงานการกำกับการแสดงไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Detroit Metal City (ปี2008), Bail Big Brother (ปี2014) และอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังได้นักเขียนบทมากฝีมืออย่าง ฟูมิ ซึโบตะ(Fumi Tsubota) มาเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ให้อีกด้วย ผลงานของเธอมีมากมาย เช่น Kounodori และอื่นๆ อีกมากมาย
นานา อิกุระ (Nana Eikura) ผู้รับบทของ“ภรรยาผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ตัวตน” และ
เคน ยาซูดะ (Ken Yasuda) ผู้รับบท “สามีผู้สุดแสนจะเย็นชา”
โดยนักแสดงนำทั้ง 2 ได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อที่จะถ่ายทอดออกมาให้ทุกคนได้ชมกัน
นักแสดงสาวที่จะมามอบความสดใสและเสียงหัวเราะให้กับคุณผู้ชม ในบทของ “จิเอะ” ภรรยาที่คอยต้อนรับการกลับมาบ้านของสามี โดยการแกล้งตายทุกวันนั้น ก็คือ นานะ อิกุระซึ่งผลงานการแสดงของเธอนั้นก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะเธอเคยผ่านการแสดงตั้งแต่หนังรักโรแมนติก หนังแนวคอมเมดี้ ไปจนหนังแอ็คชั่น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง April Bride(ปี 2009), Library Wars (ปี 2013), ละครเรื่อง N no Tame ni (ปี 2014), ซีรี่ย์เรื่อง Tokyo Tarareba Girls(ปี 2017) และอีกมากมาย แต่สำหรับในเรื่อง “ผมล่ะเพลีย..เมียแกล้งตาย!?”นั้น ความท้าทายใหม่สำหรับเธอนั้น อยู่ตรงที่ฉากแกล้งตายในเรื่อง ที่ไม่ว่าจะเป็นการตายแบบในสงคราม โดนจระเข้งาบหัว มุกแกล้งตายของเธอรวมๆ นับว่ามีครบทุกรสชาติเลยทีเดียว แต่เธอไม่เพียงพกมาแค่ความสนุกเฮฮา ยังมาพร้อมกับความน่ารักที่พร้อมกระชากใจคนดู โดยเรื่องราวจะเป็นแบบไหน อย่าลืมไปติดตามชมกันในภาพยนตร์
ส่วนฝั่งทางด้าน เคน ยาซูดะผู้รับบท “จุน” สามีผู้สุดแสนจะหัวรั้นและเย็นชาของจิเอะ ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยฝีมือและทักษะการแสดงจากผลงานแสดงภาพยนตร์อย่างเรื่อง Gintama (ปี 2017) และละครเรื่องChiisana Kyojinหรือที่จะรู้จักกัน Little Giants (ปี 2017) ซึ่งหลายคนอาจจะเคยชมกันมาแล้ว และสำหรับเรื่อง “ผมล่ะเพลีย..เมียแกล้งตาย!?”(When I Get Home, My Wife Always Pretends to be Dead) เขารับบทเป็นชายธรรมดา ที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว 1 ครั้ง โดยครั้งนี้เขาอยากใช้ชีวิตแต่งงานอย่างเรียบง่ายและสงบสุขเหมือนคู่แต่งงานปกติทั่วไป จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งเขาเริ่มรู้สึกถึงความแปลกหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น รวมไปถึงเส้นทางที่มีอุปสรรคและความไม่พอดีในชีวิตคู่ แต่ทั้ง 2 คน ต่างก็หาความพอดีในตัวของอีกฝ่ายจนเจอ นับว่าเป็นการจับคู่กันของ นานะ อิกุระ และ เคน ยาซูดะ ได้อย่างลงตัวอย่างมาก
พบกับเรื่องราวความรักของคู่รักที่แต่งงานกันมา 3 ปี ที่จะก้าวผ่าน อุปสรรค “การแกล้งตาย” นี้ให้ได้
“จุน” สามีผู้เพียบพร้อมไปด้วยหน้าที่การงาน มีหน้ามีตา มีภรรยาสาวสวยอย่าง “จิเอะ” แต่ทว่าการใช้ชีวิตคู่ของพวกเขากลับไม่ได้เรียบง่ายและไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ซึ่งมันช่างแตกต่างกับชีวิตคู่ของรุ่นน้องที่ทำงานอย่าง “ซาโนะ” และภรรยา “ยูมิโกะ” เสียเหลือเกิน เพราะชีวิตคู่ของ ซาโนะ ช่างเป็นชีวิตคู่ในแบบอุดมคติที่หลายคนใฝ่ฝันถึงส่วนคู่ของ “จุน” และ “จิเอะ” นั้นมีแต่ความแปลกและแตกต่าง
ความรักของคู่ซาโนะและ ยูมิโกะ เป็นความรักที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ที่ลงตัวทั้งเรื่องของอายุและความสัมพันธ์ เทียบกับทางฝั่งของ จิเอะ และ จุน ที่ใครเห็นแล้วคงหัวเราะก๊ากออกมา เพราะความรักของคู่นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นว่าอะไรสำคัญสำหรับชีวิตคู่ และแน่นอนว่าการที่อยู่ๆ จิเอะมาเล่นมุกแกล้งตายให้ จุนเห็นทุกวัน เธอไม่ได้ทำไปเพื่อความสนุก แต่เธอเพียงต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างให้สามีของเธอได้รับรู้ สำหรับเรื่องนี้ใครๆ ก็คงคิดว่าจะเป็นหนังแค่ชื่อเรื่องก็แปลกแล้ว แต่กลับเป็นเรื่องราวความรักของคู่รักที่แต่งงานกันมา 3 ปี ซึ่งเราเดาทางไม่ได้เลย ว่าสุดท้ายหนังจะออกมาในรูปแบบไหน แต่จุดสำคัญของเรื่องนี้อยู่ตรงที่ จิเอะ และ จุน จะต้องหาคำตอบของคำว่า “คู่ชีวิตที่แท้จริง” ให้เจอ
และความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คือเพลงประกอบ เพราะได้นักร้องคุณภาพอย่างChatmonchyเป็นผู้ร้องเพลง “I Laugh You” ซึ่งเป็นเพลงประกอบตอนจบของภาพยนตร์เรื่องนี้
เรื่องราวระหว่าง “ภรรยาผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ตัวตน” ปะทะ“สามีผู้สุดแสนจะเย็นชา”
ของคู่รักที่แต่งงานอยู่กินกันมา 3 ปีแต่แล้ววันหนึ่งความรักรูปแบบใหม่ของพวกเขาก็ได้เริ่มขึ้น
เรื่องราวความรักของ “จิเอะ” เธอเป็นแม่บ้านคอยดูแลบ้าน ส่วนสามีของเธอเป็นพนักงานษริษัท ชื่อว่า “จุน”ทั้ง 2 คนแต่งงานกันมาแล้ว 3 ปี แต่สำหรับ “จุน”แล้ว นี่เป็นการแต่งงานครั้งที่ 2 ของเขา หลังจากที่เขาล้มเหลวจากการใช้ชีวิตคู่ในการแต่งงานครั้งแรก “จุน” กับ “จิเอะ” เคยให้สัญญากันไว้ว่า “ต่อให้แต่งงานแล้ว 3 ปี ก็จะยังคงใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกันต่อไปเรื่อยๆแบบนี้”
อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากเลิกงานแล้ว จุนก็กลับบ้านตามปกติ แต่สิ่งที่เขาเห็นหลังจากที่เดินเข้าบ้านก็คือ จิเอะนอนล้มลงอยู่กับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ที่ปากมีเลือดไหลออกมา จุนตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก เขาพยายามตั้งสติ แล้วโทรเรียกรถพยาบาล แต่ในขณะที่เขากดโทรศัพท์อยู่นั้น อยู่ดีๆ จิเอะก็ลุกพรวดขึ้นมาหน้าตาเฉยจิเอะ มองท่าทางตกใจ ทำอะไรไม่ถูกของสามีแล้วหัวเราะออกมาคิกคัก เธอถามสามีของเธอว่า “ตกใจมั้ยล่ะ?” แล้วก็เดินไปจัดเตรียมอาหารเย็น ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จริงๆแล้วเลือดตรงปากของเธอนั้นก็คือซอสมะเขือเทศ ใช่! จิเอะแกล้งตายซะอย่างนั้น
ตั้งแต่วันนั้นมา จิเอะ ก็แกล้งตายมันทุกวันในช่วงเวลาเดียวกันคือ ช่วงเวลาที่ จุน กลับมาบ้านหลังจากเลิกงาน มุกแกล้งตายของเธอจะมาในรูปแบบใหม่ทุกวัน แถมยังเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ วันดีคืนดี ก็ถูกจระเข้งาบหัวบ้าง ถูกยิงตายบ้าง ลูกธนูปักหัวบ้าง แกล้งตายแบบจูเลียต จากเรื่องโรมิโอกับจูเลียตก็มี แบบท่านเคาท์ แดร็กคิวล่าก็มา
จุนเริ่มสับสนกับสิ่งที่ภรรยาทำ หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณบางอย่างจากจิเอะสัญญาณนี้จะเกี่ยวข้องกับคำสัญญาเมื่อ 3 ปีก่อนหรือเปล่า ด้วยความเป็นห่วงและกังวลกลัวว่า จิเอะจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้ จุนจึงชวนรุ่นน้องที่ทำงานที่ชื่อ โซบะ ซาโนะและภรรยาของเขาที่ชื่อ ยูมิโกะ ซาโนะมาทานข้าวที่บ้าน พาจิเอะไปแนะนำให้กับเจ้าของร้านซักรีดที่เขารู้จัก แต่ถึงอย่างไร จิเอะก็ยังไม่หยุดที่จะแกล้งตายสักที แถมยังเอาแต่พูดแล้วก็ยิ้มไปด้วยว่า “วันนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะ”
จิเอะกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ ถึงได้แกล้งตายแบบนี้กันแน่? เรื่องราวชีวิตแต่งงาน 3 ปี ของ 2 คนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป แล้วเขาจะพบกับคำตอบของเรื่องนี้หรือไม่?
“ทำไมกลับมาบ้านทีไร ภรรยาของผมถึงได้แกล้งตายทุกที?”(คำถามที่เคยถูกโพสต์ลงในเวป Yahoo!)
โดยยูสเซอร์ :K. Kajunsky
“ทำไมกลับมาบ้านทีไร ภรรยาของผมถึงได้แกล้งตายทุกที?”
นี้มันเรื่องอะไรกันแน่ ?
เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นภรรยานอนล้มลงอยู่ตรงหน้าบ้าน แน่นอนว่าเธอแกล้งตาย
ช่วงแรกๆ ก็ตกใจนะ แต่พอเจอทุกวันเข้าก็เริ่มชิน
เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว ตื่นเช้าไปทำงานเย็นมากลับมาเจอ
วันต่อมาคราวนี้เป็นเลือดไหลออกจากปาก
1 สัปดาห์ต่อมา เสื้อสีขาวเต็มไปด้วยเลือด
แถมไม่พอช่วงนี้เครื่องปรุงบางอันหายไปไหน?
ไม่ใช่ว่าเอาไปทำอะไรเพี้ยนๆ อย่างเอาไปเทใส่เสื้อ?
มุกแกล้งตายของภรรยาผมหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นลูกธนูปักที่หัวบ้าง
ถุงพลาสติกคลุมหัวบ้าง (แล้วหายใจที่แสนจะอึดอัดในถุงพลาสติก)
เมื่อวานนี้เธอแต่งตัวชุดทหาร อยู่ในสภาพเหมือนตายในสงครามอันสุดแสนจะมีเกียรติ ทั้งๆที่มือข้างหนึ่งหนีบปืนเอาไว้
เธอต้องการอะไรกันแน่?
เธออยากไปที่ไหนหรือเปล่า?
ผมไม่เข้าใจเธอเลยจริงๆ ใครก็ได้ช่วยตอบผมที ช่วงนี้ยิ่งหนัก กินข้าวเย็นทั้งๆ ที่มีลูกธนูปักบนหัวนั่นแหละ
เกี่ยวกับนักแสดง
นานะ อิกุระรับบทจิเอะ ทากามิ
นานะ อิกุระเกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่จังหวัดคาโกชิมะ และเธอนั้นได้เป็นนักแสดงครั้งแรกเมื่อปี 2004 ผ่านละครโทรทัศน์เรื่อง Jiiji~Mago to ita Natsu จากนั้นเธอก็ได้รับบทตัวเอกเป็นครั้งแรกในเรื่องDance Drillที่ฉายเมื่อปี 2006 และต่อในปี 2007 เธอก็ได้รับบทนักแสดงนำในภาพยนตร์ที่มีชื่อว่าShibuya Maruyama story ในปีเดียวกันนั้น เธอก็ได้รับเลือกให้เป็นนางเอกในหนังสั้นที่มีชื่อเรื่องว่าHitomi ของทางช่อง NHK ซึ่งเธอตีบทแตกจนหนังเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมากมายจากนั้นเธอก็มีผลงานต่างๆ มากมายให้เราได้รับชมกัน ฝั่งด้านผลงานแสดงภาพยนตร์ของเธอก็มีไม่น้อยเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องMy Sister, My Love, April Bride (ปี 2009) , Life Back Then (ปี 2011), The Floating Castle (ปี 2012), Library Wars (ปี 2013), My Hawaiian Discovery (ปี 2014), Miracle: Devil Claus’ Love and Magic (ปี 2014), Her Granddaughter (ปี 2015), Library Wars: The Last Mission (ปี 2015),64(ปี 2016) ไม่เพียงแต่ภาพยนตร์เท่านั้น งานละครโทรทัศน์ของเธอก็ปังสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น ละครเรื่อง Testimony of Nของทางช่อง TBS(ปี 2014), 99.9Criminal Lawyer(ปี 2016),Tokyo Tarareba Girls (ปี 2017)
เคน ยาซูดะรับบท จุน ทากามิ
เคน ยาซูดะ เขาคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ปี 1973 ที่จังหวัดฮอกไกโด เขาได้ก่อตั้งยูนิตที่มีชื่อว่าTEAM NACS Hiroyuki Morisaki,Totsugi Shigeyuki, Yo Oizumi และTakuma Otooกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีนักแสดงละครเวทีที่ดังที่สุดกลุ่มหนึ่งในญี่ปุ่นเลยก็ว่า ซึ่งเห็นแบบนี้แล้วหนุ่ม เคน ยาซูดะ เป็นผู้ที่มีความสามารถหลากหลายด้านมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการแสดงภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ งานศิลปะ งานแสดงละครเวที เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายที่เก่งรอบด้านก็ว่าได้ โดยผลงานการแสดงภาพยนตร์ที่โดยเด่นของเขาก็มีเรื่องMan-hole (ปี 2001) และ เรื่อง The Actor (ปี 2016) แต่ใช่ว่าผลงานภาพยนตร์ของเขาจะมีเพียงแค่ 2 เรื่องนี้เท่านั้น แต่ยังมีเรื่อง Ryuzo And The Seven Henchmen(ปี 2015), Shinjuku Swan(ปี 2015), Flying Colors (ปี 2015), HK Hentai Kamen (ปี 2016), Satoshi: A Move for Tomorrow (ปี 2016), Closest Love To Heaven (ปี 2017), Reminiscence (ปี 2017), Gintama(ปี 2017), Impossibility Defense (ปี 2018), Sakura Guardian in the North (ปี 2018)ไม่เพียงแค่นั้นเขายังมีผลงานละครโทรทัศน์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Downtown Rocket(TBS / 2015 ), Sleepeeer Hit! (TBS / 2016), War of Lie (KTV / 2016), Little Giants(TBS / 2017), Ms. Justice (NTV / 2018) นอกจากนี้ เคน ยาซูดะ ยังได้แสดงความสามารถทางด้านละครเวทีเรื่อง Hi no moto ichi no dai akutou (ปี 2016), DISGRACED (ปี 2016), Sumaato moterii man kouza (ปี 2017)และยังมีภาพยนตร์ที่รอฉายอีก 2 เรื่อง
เรียวเฮ โอตานิรับบท โซบะ ซาโนะ(รุ่นน้องของพระเอก)
เรียวเฮ โอตานิเกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปี 1980 บ้านเกิดของเขาอยู่ที่จังหวัดโอซาก้า ก่อนที่จะรับงานแสดง แต่เดิมแล้วเขาเป็นนายแบบ ที่ไม่ใช่เป็นแค่นายแบบของญี่ปุ่นเพียงแค่นั้น เพราะในปี 2003 เขาได้เดบิวต์เป็นนายแบบและนักแสดงที่ประเทศเกาหลีอีกด้วย ดีกรีของเขาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เขาเดบิวต์เป็นนักแสดงเมื่อปี 2006 โดยงานละครแรกของเขาเป็นละครซิตคอมที่มีชื่อว่าSoul mate ของทางช่อง MBC ตามมาด้วยเรื่อง KAMIYUMI (ปี 2011), The Admiral: Roaring Currents (ปี 2014)นอกจากงานแสดงที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว เขาก็มีผลงานการแสดงที่ประเทศเกาหลีอีกมากมาย เช่น ผลงานด้านละครโทรทัศน์อย่าง Gunman in Joseon (KBS2 / 2014) จากผลงานการแสดงจากเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับรางวัล Global Actor จากงาน 2014 Korean drama awardsอีกด้วย เมื่อปี 2006 เขาก็เริ่มกลับมาทำงานที่ประเทศญีปุ่นอย่างเต็มตัวโดยละครเรื่องแรกที่เขาเล่นหลังจากกลับมารับงานที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว คือเรื่อง The Full-Time Wife Escapist (TBS / 2014) ต่อด้วย Winter, Grasping Love (EX/ 2017) , Chase (Amazon Prime Video / 2017)และผลงานภาพยนตร์ตัวล่าสุดของเขา ที่เพิ่งฉายไปเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2018นี้เรื่อง Zenigata
ซูมิกะ โนโนะรับบท ยูมิโกะ ซาโนะ (ภรรยาของโซบะ ซาโนะ)
ซูมิกะ โนโนะ เธอเกิดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1987 ที่จังหวัดเกียวโต ก่อนที่เธอจะเข้าวงการบันเทิงนั้น เธอเคยเป็นนักแสดงระดับแนวหน้า ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ของ Takarazuka Revue หรือ คณะละครทาคาระซึกะ คือคณะละครหญิงล้วนนั่นเอง ซึ่งบทที่เธอได้รับส่วนใหญ่จะเป็นบทสาววัยรุ่นอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เธอจะเพียบพร้อมไปด้วยทักษะทางการร้องเพลงและการแสดง หลังจากที่เธอลาออกจากTakarazuka Revueเธอก็ยังคงมีผลงานให้เราได้ติดตามชมเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นละครเวที ภาพยนตร์ต่างๆ เช่น Kansai Johnny’s Jr. no Mezase Dorimu Suteji!(ปี 2016),ละครเรื่อง Yoshiwara Uradoshin (NHK / 2014), Sunshiny Asa (NHK / 2015), Sleepeeer Hit! (TBS / 2016), Chushingura: A 48th Loyal Retainer in Love (2017), 99.9 Criminal Lawyerภาค 2 (TBS / 2018)และรายการทีวีที่มีชื่อว่า Discovery of the World’s Mysteries ซึ่งผลงานของเธอนั้นเป็นที่น่าจับตามากทีเดียว
เกี่ยวกับผู้กำกับ
ริ โทชิโอะ(Ri Toshio)ผู้กำกับภาพยนตร์
มาถึงผู้กำกับของเรากันบ้าง เขาเกิดเมื่อวันที่ 13พฤษภาคม 1964ที่จังหวัดโอซาก้า เขามีผลงานการกำกับหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นละคร ภาพยนตร์ หรือแม้แต่รายการทีวีเองก็ตาม เช่นTonneruzunominasannookagedesu (1990), Tamori (1990), Down Down (1990), SMAP×SMAP (1990), Otousan no backdrop (2004),Detroit Metal City(2008) หนังเรื่องนี้ทำรายได้สูงสุดถึง 2พัน 3 ร้อยล้านเยนเลยทีเดียว ต่อมาในเดือนในเมษายน ปี 2010 เขาก็ได้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Sunshine Ahead ซึ่งสร้างจากเรื่องจริง โดยเรื่องนี้ได้นักแสดงมากฝีมือถึง2 คน มาร่วมงาน นั้นก็คือ Takashi Okamuraและ Yasuko Matsuyukiและในปีเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้สร้างผลงานละครให้เราได้ชมกันเรื่อง BOX!ผลงานต่อมาของเขาก็จะมีเรื่อง Recipes of Diet Diaries(2013),Bakumatsu Koukousei(2014),Bali Big Brotherและผลงานล่าสุดของเขาคือเรื่อง Blazing Transfer Students Netflix(นำแสดงโดยกลุ่มนักร้องที่มีชื่อว่า Johnny’s West) เรียกได้ว่าเขาเป็นเจ้าพ่อแห่งหนังคอมเมดี้ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
เหตุผลที่อยากทำภาพยนตร์เรื่องนี้ (บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ)
“ที่ผมตัดสินใจกำกับการแสดงเรื่องนี้ข้อแรกเลยก็เพราะว่า บทของคาแรคเตอร์แต่ตัวละนั้นมีเสน่ห์ แล้วก็คิดว่าอยากจะสร้างเรื่องนี้และอยากสื่อไปให้ถึงคนที่คิดว่า ไม่เอาแล้วล่ะเรื่องความรัก อย่างในเรื่องตัวภรรยาเองเขาเป็นคนที่น่ารักแต่ก็มีความแปลกๆ อยู่บ้าง ซึ่งนั่นแหละคือมนุษย์เรา มีทั้งดีและไม่ดี เป็นคู่สามีภรรยาที่มีคาแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์ดีครับ
พูดถึงบทของ จิเอะที่ได้ นานะ อิกุระกับ บทสามีที่ได้ เคน ยาซูดะมาร่วมงานในครั้งนี้
บทของจิเอะในตอนแรกนั้นผมค่อนข้างที่จะหนักใจอยู่บ้าง เพราะบทของจิเอะนั้น คือถ้าเห็นแล้วเราจะรู้สึกอารมณ์แบบว่า “เด็กบ้าเอ๊ย” แต่ก็ยังเป็นคนที่ทั้งดูเหมือนจะลึกลับประมาณนึง คือผมวางโครงสร้างไว้ว่า ช่วงครึ่งพาร์ทแรกจะเป็นออกแนวคอมเมดี้ และ พาร์ทสุดท้ายจะเป็นดราม่า ซึ่งทาง อิกุระเธอสามารถเล่นบทนี้ได้ออกมาอย่างสมบทบาทและดูเป็นธรรมชาติมาก คิดว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากจริงๆ ส่วน ยาซูดะนั้นก็แสดงบทบาทท่าทางออกได้สุดยอดจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่ทำหน้าตาเจ็บปวด ทรมาน เขาสื่ออารมณ์ออกมาได้ดีมากแล้วก็จะมีตอนที่รวมตัวกัน เขาชอบพูดประโยคเด็ดๆ แบบเร็วๆ ดูแล้วก็น่ารักดีครับ (หัวเราะ) ซึ่งผมคิดว่าทั้ง 2 คนนี้ ลงตัวกับบทบาทนี้มากครับ”
มีอะไรจะฝากถึงภาพยนตร์เรื่องนี้
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมก็ตั้งใจทำออกมาเพื่อจะสื่อถึงความรักของคู่รักที่แปลกๆ คู่นึง ที่ให้เขาได้พบความสุขในชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ในทุกๆ วัน แล้วก็อยากจะสื่อประมาณว่า เมียเราเนี่ยมีมุมที่ลึกลับอยู่นะ แบบมุมที่ผู้ชายอย่างเราๆ ไม่เข้าใจเขาอยู่ (หัวเราะ) แล้วก็อยากให้บทของจิเอะสื่อไปให้ผู้หญิงหลายๆ คนเห็นว่า เป็นผู้หญิงในแบบที่เราชอบนั่นแหละดีที่สุดแล้วนะ ซึ่งผมคิดว่าคุณ อิกุระเธอได้ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาทางตัวละครได้เป็นอย่างดีและสมบูรณ์แบบมากจริงๆ ครับ”
ความคิดเห็นจากK. Kajunskyเจ้าของโพสต์
คือที่ผมเขียนเรื่องว่า เมียแกล้งตาย ในเวป Yahoo! นั้น เพราะผมเพียงแค่อยากจะรู้ว่าคนอื่นมีความคิดเห็นยังไงครับ อยากรู้ว่ามีคนที่เคยเจอเหตุการณ์แบบผมบ้างรึเปล่า จะมีภรรยาของคนอื่นที่แกล้งตายเหมือนเมียเรามั้ย แต่แล้วก็มีคนให้ความสนใจมากขึ้น มีคนเอาไปลงข่าวบ้าง เอาไปแต่งเป็นเพลงบ้าง จนมีผู้ที่ตอบความคิดเห็นโพสต์ของผมว่า “ทำเป็นบล็อกเลย” จากนั้นมาผมก็เริ่มเขียนบล็อกดู จากนั้นก็มีคนติดต่อมาขอทำเป็นการ์ตูน จนมาถึงทำเป็นภาพยนตร์ ตอนที่เมียผมได้ยินครั้งแรกนั้นเขาตกใจมากครับ แล้วก็บอกกับผมว่า “ฉันเล่นหนัง หรือแสดงอะไรพวกนี้ไม่เป็นหรอกนะ” (หัวเราะ) ตรงนั้นผมก็ได้เห็นความเปลี่ยนไปและความน่ารักของเมียผม สำหรับผมแล้วชีวิตคู่ที่แต่งงานแล้วมันควรมีเรื่องที่เราต่างไม่รู้เรื่องออกอีกฝ่ายบ้าง เพราะมีเรื่องที่เราไม่รู้เกี่ยวกับเขา เราถึงอยากรู้จักไม่ใช่เหรอครับ คิดว่านี่ก็น่าจะเป็นเรื่องนึงที่สามารถทำให้ชีวิตรักยืนยาวได้ครับ สำหรับตัวผมในตอนนี้ ผมใช้เวลาที่อยู่ร่วมกับเธออย่างมีความสุขครับ ไปเดตกันบ้าง เดินเล่นที่สวนสาธารณะบ้าง ซึ่งเมียผมเองก็น่าจะมีความสุขไม่แพ้ผมเหมือนกันครับ
กว่าจะมาเป็นภาพยนตร์When I Get Home, My Wife Always Pretends to be Dead”
ช่วงประมาณเดือนมิถุนายน ปี 2011 ริ โทชิโอะ ได้มีโอกาสอ่านเรื่อง “When I Get Home, My Wife Always Pretends to be Dead” ในรูปแบบFan fiction หลังจากที่อ่านแล้ว เขาก็คิดทันทีว่า จะต้องทำหนังเรื่องนี้ให้ได้ จากนั้นเขาจึงเริ่มวางแผนทันที เพราะเขามองว่าถึงมันอาจจะดูเหมือนเรื่องไร้สาระแต่อีกมุมมันมีความวิเศษซ้อนอยู่ในเรื่อง
ในปี 2013 ริ โทชิโอะได้เริ่มพูดคุยกับโปรดิวเซอร์ และนักเขียนบท เกี่ยวกับพล็อตหนังของ “When I Get Home, My Wife Always Pretends to be Dead”ซึ่งทางโปรดิวเซอร์Miyamaeค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับฉากแกล้งตายอยู่2 อย่าง คือ อย่างแรกแกล้งตายแบบป่วย แกล้งตายแบบเป็นคดีต่างๆ ซึ่งทุกอย่างก็ทำออกมาได้อย่างลงตัวได้ใน 120 นาที และต่อมาอย่างที่2ก็คือ คาแร็คเตอร์ของ จิเอะนางเอกของเราที่เขาตั้งใจดีไซน์บทเป็นอย่างมาก และสุดท้ายเขาก็ได้ดีไซน์บทของ จิเอะได้สำเร็จ โดยบทของ จิเอะที่เขาดีไซน์ออกมานั้น “เป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าแต่มักจะสื่อออกมาทางคำพูดมากกว่า” โดยทั้ง 3 พยายามทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด เพื่ออรรถรสในการชม
พล็อตหนังครึ่งแรกเสร็จในปี 2014 ส่วนบทละครนั้นเสร็จทั้งหมดแล้ว พวกเขาจึงรวมตัวทีมผู้สร้างเพื่อปรึกษาหารือกัน พวกเขาลงความเห็นกันว่าเค้าโครงของเรื่องไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ที่เหลือก็แต่คาแรคเตอร์แต่ละตัวว่าจะทำอย่างไรดี หลังจากที่ปรึกษากันเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเขาจึงเริ่มเดินหน้าลงมือทำบท คาแร็คเตอร์ของตัวละครต่อ ซึ่งจุดสำคัญของเรื่องคือบทของ จุนว่าเขาจะดีไซน์ออกมาอย่างไรดี พวกเขาตั้งใจว่าจะดีไซน์บทของจุนให้เป็นผู้ชายที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว1 ครั้ง “เคยแต่งงานและหย่ามาแล้ว 1 ครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดแบบนั้นอีก เขาจึงสัญญาไว้ว่าหลัง 3 ปีที่แต่งงานไปแล้ว เขาจะยังเดินในทางชีวิตคู่ จะไม่เลิกกับจิเอะ แต่แล้วเขาก็ยังกลับไม่เข้าใจความหมายของการใช้ชีวิตอยู่ ยิ่งมาเจอเหตุการณ์ที่จิเอะภรรยาของตัวเองแกล้งตายอีก เขาจึงยิ่งสับสนมากขึ้นกว่าเดิม” นี้คือสิ่งที่ทีมผู้สร้างดีไซน์คาแรคเตอร์ของจุนไว้
ต่อมาได้ทำการแก้ไขบทละคร ตัดส่วนที่ไม่จำเป็น และเพิ่มส่วนที่เป็นจุดสำคัญลงไป เพื่อให้เนื้อเรื่องดำเนินไปได้ราบรื่นและประติดประต่อมากขึ้น จนสุดท้ายทุกอย่างก็ออกมาอย่างสมบูรณ์ทั้งบทละครและโครงเรื่อง
เส้นทางชีวิตคู่ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่กลับมีความวิเศษอยู่ในตัวก็กำเนิดขึ้น
ตอนที่เขาตัดสินใจเลือกนานะ อิกุระให้รับบทของ จิเอะ นั้น เขาได้ส่งบทละครไปให้เธอพิจารณาในปี2015 ทางโปรดิวเซอร์ ก็กังวลอยู่ว่าเธอจะรับรึเปล่า เพราะในเรื่องมีบทที่เธอแกล้งตายล้วนๆ ที่ฟังดูเหมือนบทคนบ้า แต่ยังมีความน่ารักของคู่รักอยู่ เขาจึงคิดว่าบทนี้น่าจะเหมาะกับ นานะ อิกุระเพราะเธอเป็นคนที่มี “พรสวรรค์” ในด้านการแสดง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าและท่าทางต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเธอก็ไม่ได้ทำให้ทีมผู้กำกับผิดหวัง ทีมผู้กำกับต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “การแสดงของเธอลื่นไหล เข้ากับอีกฝ่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติ จับจุดของคาแรคเตอร์ รักษาบาลานซ์ของบทได้ดี เธอสุดยอดมากจริงๆ”
ในฉากที่ จิเอะกับ จุน ไปเดทกันบนเนินเขา หรือ แม้แต่ฉากที่เธอแต่งหน้าเป็นหมีแพนด้าที่สวนสาธารณะ เธอก็แสดงออกมาได้น่ารักสดใส เป็นธรรมชาติมากจริงๆ โดยเธอเป็นคนลงมือแต่งหน้าเป็นแพนด้าเองเลย
ส่วนฝั่งด้านของเคน ยาซูดะ ผู้ที่รับบทเป็น จุน สามีของ จิเอะ นั้น ทางโปรดิวเซอร์ก็ได้มีการพูดคุยถึงเหตุผลที่เขาเลือกให้เคน ยาซูดะ เป็นผู้รับบทนี้ว่า “ในตอนที่กำลังเลือกนักแสดงที่จะมารับบท จิเอะนั้น ก็คิดๆ กันในทีมไปด้วยว่า ใครที่จะเหมาะที่จะมาสวมบทของสามีที่จะมาร่วมฝ่าฟันอุปสรรคในหนังเรื่องนี้จู่ๆ ก็มีหนึ่งในทีมงานเสนอขึ้นมาว่า ถ้าเป็น เคน ยาซูดะ คิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ ซึ่งทุกคนก็เห็นพร้อมกันว่า ใช่ ต้องเป็น เคน ยาซูดะ เท่านั้น พอได้ลองส่งบทให้เขาพิจารณาเขาก็ตอบตกลงทันที ซึ่งเป็นที่ดีใจของทีมงานมาก”
หลายๆ ซีนในช่วงแรกของหนังนั้นจะเป็นการออกท่าทางและรีแอคชั่นของ จุนค่อนข้างเยอะ ซึ่งทาง เคน ยาซูดะ ก็แสดงออกมาได้หลากหลายอารมณ์ดูสมจริง แม้กระทั่งฉากที่ไปดื่มกับรุ่นน้องที่บริษัท แล้วเมาล้ม เขาก็เล่นได้สมจริงมาก เขาเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดของบทมากจริงๆ “ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง การแสดงออกในตอนที่เขาเจ็บปวด และสับสนในตัวภรรยา เขาก็ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมากๆ”
เรื่องราวที่ฝากเป็นข้อคิดให้คู่แต่งงานหลายๆ คู่ โดยผ่านคู่รักในอุดมคติที่อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า
นอกจากเรื่องราวความรักของ จุนกับจิเอะ แล้วยังมีเรื่องราวความรักของอีกคู่ที่ปรากฏในเรื่องตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น คู่ของ ซาโนะกับ ยูมิโกะนั่นเอง เรื่องราวของคู่นี้ตรงข้ามกับคู่ของพระเอกนางเอกโดยสิ้นเชิง เพราะว่าคู่นี้ “เป็นคู่รักแต่งงานแบบในอุดมคติ” ของใครหลายๆ คน ที่อยากจะมีความรักแบบคู่นี้อยู่ ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของชีวิตคู่ของจุน กับจิเอะ เช่นกัน เพื่อให้ทั้ง 2 มองเห็นและเปรียบเทียบได้ชัดว่า เป็นแบบนี้ต่อไปทุกอย่างต้องจบแน่ๆ เพื่อให้ชีวิตคู่ของทั้ง 2 ดำเนินต่อไป โปรดิวเซอร์จึงนำตัวละครอย่าง ซาโนะกับ ยูมิโกะ เข้ามาช่วยดำเนินเรื่องราวด้วย
โปรดิวเซอร์กล่าวว่า รุ่นน้องที่ทำงานของจุนอย่างซาโนะนั้น นอกจากจะหล่อ ดูดี ตั้งใจทำงานแล้ว เขายังเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ดี โดยเฉพาะภรรยาของเขา
โปรดิวเซอร์ยังกล่าวว่า“สำหรับเรื่องนี้ผมอยากให้เขาได้แสดงเสน่ห์อีกด้านหนึ่งของเขาที่ต่างจากเดิม และเขาก็ทำให้ผมและทีมงานคนอื่นๆ ได้เห็น มุมน่ารักๆ หรือเสน่ห์อีกด้านหนึ่งที่ดูเป็นธรรมชาติของเขาออกมาจริงๆ ซึ่งผมคิดว่าผมเลือกนักแสดงได้ไม่ผิดจริงๆ”
ส่วนบท ยูมิโกะ เธอเป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกตัวเอง โดยเฉพาะฉากสะเทือนหัวใจ ฉากนี้โปรดิวเซอร์ บอกกับเธอว่า “อยากให้แสดงอารมณ์ออกมาประมาณว่า ทั้งๆ ที่จะไม่ร้องไห้แล้ว แต่มันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ” และเธอก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ”
“ฉากแกล้งตาย” ความท้าทายที่ทีมงานฝ่ายออกแบบการแสดงต้องเจอ
หนังเรื่องนี้เริ่มเปิดกล้อง วันที่ 5 กรกฏาคม 2016 เวลาส่วนใหญ่ใน 1 สัปดาห์ถูกใช้ไปกับการถ่ายฉากแกล้งตายในรูปแบบต่างๆ ของ จิเอะที่มีทั้งแบบจระเข้งาบหัว ทหารตายในสงคราม ไปจนถึงนักสู้ที่พ่ายแพ้ในสงครามบ้าง ผีเฝ้าสุสานบ้าง อยู่กับมนุษย์ต่างดาวบ้าง ไปจนถึงกลายร่างเป็นยอดมนุษย์อุลตร้าแมน รวมๆ แล้วฉากแกล้งตายของเธอมีถึง 15 รูปแบบเลยทีเดียว มีฉากแกล้งตาย 11 ฉาก และ ฉากที่แต่งตัวแปลกๆ อีก 4 ฉาก
ด้วยเนื้อเรื่องของหนังที่ดูเหมือนจะไร้สาระ แต่คุณ ริ โทชิโอะพูดกับทีมงานว่า “ต่อให้มันจะเป็นเรื่องไร้สาระ เราก็ต้องทำออกมาให้มันดีที่สุด” และโปรดิวเซอร์ ก็ยังบอกอีกว่า “ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำจระเข้ออกมาได้เหมือนของจริงขนาดนั้น (หัวเราะ) ช่างแต่งหน้ายังบอกอีกว่า ลองใช้โลชั่นหรืออะไรใช้เป็นน้ำลายของจระเข้ดูมั้ย ผมนับถือในความ สามารถของพวกเขาจริงๆ”
ฉากตอนที่พระเอกเห็นนางเอกแกล้งตายครั้งแรก จากนั้นนางเอกลุกขึ้นมา แล้วหัวเราะใส่พระเอก “คิคิคิ” ผมอยากให้ฉากนี้ซึ่งเป็นตอนที่ จิเอะหัวเราะใส่สามีตัวเอง ออกมาได้แบบดูละมุนน่ารัก “ฉากนี้จะไม่ได้แบบที่ผมต้องการเลย ถ้าไม่ได้ความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจของทีมงานแล้วก็นักแสดงทุกคน”
สิ่งที่อยากจะบอกกับทีมงานกองถ่ายทำเรื่อง “เมียแกล้งตาย”
ในการถ่ายทำในเรื่องมีอุปสรรคต่างๆ มากมาย แต่แล้วอุปสรรคใหญ่ก็มาถึง ตอนที่พวกเขาถ่ายทำ พวกเขาใช้เวลาถ่ายแล้วถ่ายอีก เพราะยังไม่ได้ฉากที่โปรดิวเซอร์ถูกใจ ตอนแรกทางโปรดิวเซอร์ได้ส่ง SMS ไปยังบริษัทกลุ่มที่รับซื้อหนังเพื่อไปถ่ายที่โรงภาพยนตร์ว่า จะยกเลิกการถ่ายทำ แต่พวกเขากลับส่งข้อความมาให้กำลังใจบอกว่า “อยากให้เรื่องนี้ได้ฉาย อยากให้ทุกคนได้ดู โปรดสู้ต่อไป อย่าล้มเลิกความตั้งใจที่คุณทำมาถึงเกือบครึ่งทางแล้ว” ยิ่งกว่านั้น คุณโทชิโอะก็ยังพูดกับเขาอีกว่า “อยากให้คนทั้งโลกได้ดูเรื่องนี้” พอได้ยินแบบนั้นโปรดิวเซอร์จึงตัดสินใจฮึดสู้อีกครั้ง เขาใช้เวลาปรับแก้อะไรต่างๆ อยู่เกือบ3 เดือน
และแล้วก็กลับมาเริ่มถ่ายทำใหม่อีกครั้งในช่วงฤดูหนาวปี2017 แต่ตอนนั้นตารางงานของ เคน ยาซูดะ นั้นแน่นมาก และยังอยู่ในช่วงแสดงละครเวทีเรื่อง Sumaatoteriiman Kousa อีกด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช้อุปสรรค เพราะแม้ตารางงานของ เคน ยาซูดะ จะแน่นมากเพียงใด เขาก็แบ่งเวลามาถ่ายทำเรื่องนี้ได้อย่างไม่ติดขัด ตอนที่เริ่มกลับมาถ่ายทำ อิกุระนางเอกสาวของเราก็ช่วยสร้างบรรยากาศอันแสนสนุกในกองถ่าย เหมือนช่วยสร้างกำลังใจให้กับนักแสดงคนอื่นๆ และทีมงานทุกคน
ช่วงตอนที่เริ่มถ่ายทำนั้นริ โทชิโอะผู้กำกับของเรานั้นก็ได้เสนอว่า อยากปรับบทของคู่ โซโนะสักหน่อย โดยเขาปรับบทของ ยูมิโกะจากตอนแรกเธอมีคาแรคเตอร์ที่เหมือนพี่สาวที่ดูแลสามี เป็น ภรรยาที่รักและเข้าใจสามีมากๆ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับ ซูมิกะ โนโนะเลย เมื่อผู้กำกับขอมาเธอก็จัดให้ ตอนที่ปรับบทนั้น ริ โทชิโอะพูดว่า “ยังแอบกังวลอยู่ว่าเปลี่ยนบทแบบนี้ คุณ โนโนะจะไหวมั้ย แต่ผิดคาด เธอแสดงออกมาได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะมาก ผมรู้สึกขอบคุณเธอมากจริงๆ” โปรดิวเซอร์บอกว่าเขามีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง ที่จะตอบคำถามคนอื่นว่า “ทำไมถึงเลือกที่จะสร้างหนังเรื่อง เมียแกล้งตาย”
ทำไม จิเอะ ถึงแกล้งตายกันนะ?ถ้าอยากรู้คำตอบ อย่าลืมไปช่วยกันหาในภาพยนตร์เรื่องนี้กับคนที่คุณรัก รับรองว่าสิ่งที่ จิเอะทำนั้นจะต้องทำให้คู่รัก หลายๆ คู่เข้าใจคำว่าคู่ชีวิตมากขึ้น และยิ้มออกมาหลังจากหนังจบแน่นอน แล้วก็อย่าลืมฟังเพลงประกอบความหมายดีที่เป็นเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ ที่มีชื่อเพลงว่า “I Laugh You”กันด้วยนะ
I Laugh You
แต่งและเรียบเรียงโดย: Erika Hashimoto
ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยด้วยหรอก
เพราะมันไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร
ก็แค่เรื่องตอนเทศกาลไหว้บรรพบุรุษในฤดูร้อน
แล้วก็วันปีใหม่ในช่วงฤดูหนาว
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แล้วก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร
ก็แค่เรื่องชุด เสื้อผ้าที่เราใส่
ที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ใส่กัน
ก็แค่อยากรู้คำตอบของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน
ก็แค่อยากลองวิ่งออกไปมีเรื่องราว
ความสัมพันธ์ในบ้านแบบคนอื่นบ้าง
อย่างไปสวนสัตว์ด้วยกัน ดูสัตว์ที่ไม่เคยเห็น
เธอที่ฉันรัก
เธอผู้ที่มีอิสระ
ในใจของฉันนั้นอยู่ในเมืองแห่งหนึ่งที่ไม่มีชื่อซะแล้ว
ไม่มีอะไรแหย่เธอหรอก
เพราะมันไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ไม่มีอะไรแหย่เธอหรอก
เพียงแค่อยากให้เธอรู้ไว้ว่า
ฉันมีความสุขที่สุด
ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน
ก็แค่อยากลองวิ่งออกไปมีเรื่องราว
ความสัมพันธ์ในบ้านแบบคนอื่นบ้าง
อย่างไปสวนสัตว์ด้วยกัน ดูสัตว์ที่ไม่เคยเห็น
เธอที่ฉันรัก
เธอผู้ที่มีอิสระ
ในใจของฉันนั้นอยู่ในเมืองที่ไม่มีวันจบสิ้นซะแล้ว