โคตรพีค! “พลอย” เผยชีวิต ป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 ลามไปต่อมน้ำเหลือง เข้ารักษาตัวที่รพ.จิตเวช!!

17

ทำเอาแฟนๆ ช็อกอยู่ไม่น้อย หลังจาก “มัมพลอย เฌอมาลย์” เปิดใจครั้งแรกในรายการ Sisterhood Podcast ทั้งตรวจเจอเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 ลามไปต่อมน้ำเหลือง อยู่ในภาวะซึมเศร้าเพราะชีวิตเจอมรสุมซัดหลายเรื่อง ถึงขั้นน้ำหนักลด 13 กิโลใน 3 เดือน จำชื่อคนไม่ได้ ทำร้ายตัวเอง เพราะอยากให้อีกคนเห็นใจ นอนไม่ได้ ตาลอย ถึงขั้นไม่ไหวแล้ว ต้องเข้าไปรักษาที่รพ.จิตเวช!

-ช่วงผอมมาก มีหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิต ทั้งเรื่องงาน ปัญหาผู้จัดการ แถมเรื่องสุขภาพก็มาพร้อมกันในจังหวะเดียวกัน พายุซัดมาตู้ม ไม่ทันตั้งตัว ทุกอย่างเฟลไปหมด

-ตรวจมาเจอว่าตัวเองเป็นมะเร็งเต้านม

-ตัวเราผิดพลาดเอง เราตรวจเจอก้อนเนื้อ ชิ้นเนื้อก่อน แต่ตอนนั้นไม่ดูอันตราย แต่หมอบอกว่าต้องฟอลโลว์อัป เราไม่ไปตรวจสุขภาพปีครึ่งเพราะเป็นคนกลัวเข็ม ไม่ไปรพ.มาปีครึ่ง พอตรวจอีกที ระหว่างนี้แหละมันโต

-เราคิดว่าเราแข็งแรงดี ปกติดี ไม่น่าเป็นอะไร พอไปตรวจสุขภาพอีกครั้งก็เจอ แล้วช็อก เพื่อนแนะนำให้เปลี่ยนรพ. มีขั้นตอนการตรวจเยอะ

-ตอนแรกมีสองข้าง ข้างนึงชัวร์แล้ว แต่อีกข้างดูเป็นหินปูน เขาก็เจาะ ให้เรานอนคว่ำ เข็มใหญ่มากแทงเข้าไป เป็นเครื่องสอดเข้าไปแล้วปั่นชิ้นเนื้อออกมา หมอบอกไม่เจ็บ แต่เจ็บมาก ร้องไห้ ยาชาไม่พอ ใจจะขาด แต่ตรวจแล้วไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีมะเร็ง แต่เป็นข้างซ้าย

-เป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 ผ่าตัดเสร็จเขาเอาชิ้นเนื้อไปตรวจละเอียดว่าสายพันธุ์อะไรพบว่าเป็นมะเร็งสายพันธุ์ชนิดพิเศษ เป็นมะเร็งเต้านมลามไปต่อมน้ำเหลืองด้วย

-ตอนแรกที่รู้ก็ร้องไห้ กลัว แต่หมอบอกว่าใจเย็นนะ ไม่เป็นไรนะ รู้เร็วรักษาเร็ว เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมีเยอะแยะ

-เราคิดว่าเราดูแลตัวเองดีมาตลอด ไม่คิดว่าเราจะเป็น งงว่ามาได้ไง สืบมาแล้วคุณย่าฝั่งคุณพ่อเคยเป็น คิดว่าน่าจะเป็นพันธุกรรม

-ครั้งแรกผ่าตัดหน้าอกเสร็จแล้ว พักฟื้นไม่ถึงเดือน ก็ผ่าอีก เราเลือกรักษาเต้านมเดิมอยู่ไม่ต้องตัด หลายคนตัดแล้วจบ แต่เราไม่ได้ เราอยากสวยอยู่

-หลังผ่าตัดเสร็จฉายแสง 25 ครั้ง หน้าอกไหม้ไปข้างนึง แสงเบิร์นมาก เจ็บมาก แต่ไม่เป็นไร ทำ 5 วันต่ออาทิตย์ 25 ครั้งเอาให้จบ หมอวินิจฉัยมาดีมากว่ากรณีของเราไม่จำเป็นต้องคีโม เพราะถ้าใช้คีโมรักษามันไม่ช่วยอะไร มันต้องฉายแสง ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีกว่า

-ฉายแสง กินยาลดฮอร์โมนเอสโตรเจน ฉีดด้วย มีผลกระทบกับเราเยอะ ผู้หญิงฮอร์โมนเอสโตรเจนสำคัญสำหรับผู้หญิงมาก เรื่องความสวย ความสาว ความยืดหยุ่นของผิว ทุกอย่าง พลอยกินมาปีครึ่งแล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายค่อนข้างเยอะ

-ปีที่แล้วผอมมากๆ เป็นยาส่วนนึง อารมณ์เราสวิงแล้ว เพราะลดฮอร์โมนเอสโตรเจน อยู่ในสภาวะความเครียดหลายๆ อย่าง สามสิ่งที่รุมเข้ามา แล้วพลอยรับไม่ทัน พลอยตกอยู่ในภาวะความเครียด ความกังวล ตอนนั้นหนักจริงๆ ถึงขนาดร้องไห้กับตัวเอง จำไม่ได้ว่าฉันคือใคร เราจมอยู่กับความทุกข์ ความเศร้า จมอยู่กับความเสียใจ ถูกกระทำจนเรารู้สึกว่าเราจำไม่ได้ เราสูญเสียความเป็นตัวเองไป

-เอาตรงๆ ฉันจำไม่ได้ว่าฉันคือใคร ไม่มีความมั่นใจ เป๋มาก ครั้งนี้เป็นครั้งที่ยากสุดในชีวิต ยากมากที่จะหลุดพ้นออกมาได้

-ก่อนหน้านั้นคิดอะไรเองไม่ได้เลย วนอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง

-หลังๆ ค่อนข้างเก็บกด มีอะไรไม่พูด ไม่บ่น จนวันนึงมันระเบิดจริงๆ

-เราเก็บความทุกข์ ความเครียดไว้คนเดียวตลอด ตอนนั้นทรมานมาก เกิดมาไม่เคยน้ำหนักลง 13 กิโล ภายในเวลา 3 เดือน แล้วก็ลงมาเรื่อยๆ เครียดทั้งตัวและหัวใจ ทั้งสมอง มันหนักสุดในชีวิต

-กินข้าวไม่ได้เลย กินข้าววันละมื้อ บางทีผ่านไป 24 ชม.ถึงกินอีกมื้อ มันเป็นความเครียดที่เราเก็บไว้ ความเครียดกับเรื่องที่เราเจอต่างๆ นานา แล้วมันโหดร้ายกับเรา

-พลอยนอนไม่ได้ ไม่หลับ หลับ 2 ชม. แล้วแพนิกแอทแทค คุณแม่เห็นสภาพเรา เดินในบ้านเดินไปเดินมา ตาลอย คิดมาก มือไม้สั่น เหมือนในร่างกายไม่มีวิญญาณแล้ว มือไม้สั่น เครียด ไม่อยากแต่งตัว คิดว่าไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ต้องไปรักษาอย่างจริงจัง ไปอยู่รพ.จิตเวชพักนึงเหมือนกัน ออกมาก็เปลี่ยนรพ. เปลี่ยนหมอ หมอให้ยาแรงเกินไป ไม่ได้ช่วยให้เราดีขึ้น

-รับยาอยู่ประมาณนึงก็ดีขึ้น ตอนนี้ไม่ได้กลับไปหมอ เพราะอยากดีขึ้นด้วยตัวเอง พอมียามันกดประสาท มันยาก สติไม่มี พอเลิกยาจิตเวช ก็เริ่มดีขึ้น

-ดีเปรสชั่นหนักขนาดตัดผมตัวเอง ไม่เกี่ยวยาทำให้ผมร่วง เราถูกทำให้เครียด ถูกกดดันมากๆ จนเป็นบ้า ตัดผมตัวเอง ไม่รู้ทำไปทำไม เหมือนอยากระบายอะไรสักอย่าง ก็เสียใจที่เราทำร้ายตัวเองขนาดนี้ ไม่ให้เกียรติตัวเอง ทำร้ายตัวเองเพื่อให้อีกคนเห็นใจเรา มันไม่ดีเลย

ตอนนี้สุขภาพของของพลอยดีขึ้นมาก ผลตรวจล่าสุดก็คือปลอดภัยหายห่วง กลับมาฟิตแอนด์เฟิร์ม ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 2-3 ชั่วโมง น้ำหนักก็กลับขึ้นมา 8 กิโลแล้ว และยังคงกินยาตามที่คุณหมอสั่งอย่างต่อเนื่อง